จับอดีต.ผช.ผญบ.ยิงพ่อเฒ่าวัย 72 ทิ้งริมถนน

0006 เมื่อเวลา 00.15 น.วันที่ 9 พ.ค. ร.ต.ท.ชูศักดิ์  บุญส่ง ร้อยเวร สภ.วังทอง จ.พิษณุโลก รับแจ้งเหตุมีคนถูกยิงด้วยอาวุธปืนและนำศพมาทิ้งไว้บริเวณริมถนนสายสากเหล็ก-วังทอง ช่วงหลักกิโลเมตรที่ 11-12 หมู่ 1 บ้านสะเดา ต.หนองพระ อ.วังทอง หลังรับแจ้งจึงรายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบตามลำดับพร้อมรุดไปตรวจสอบที่เกิดเหตุพร้อมด้วย พ.ต.อ.ธรธวัช แจ่มอุดมโชติ ผกก.สภ.วังทอง พ.ต.ต.(หญิง)สุนันทา สมอุโมงค์ นักวิทยาศาสตร์สบ.2 กลุ่มงานตรวจสถานที่เกิดเหตุ ศูนย์พิสูจน์หลักฐาน 6 แพทย์เวรโรงพยาบาลวังทอง เจ้าหน้าที่กู้ภัยบูรพา ที่เกิดเหตุพบศพชายไทยอายุ ประมาณ 70 ปี ในลักษณะนอนคว่ำหน้าสวมกางเกงขาสั้นดำ ไม่สวมเสื้อ และมีเสื้อแขนยาวสีเขียวปิดคลุมศีรษะ ไม่สวมรองเท้า ตรวจสอบมีบาดแผลถูกยิงด้วยอาวุธปืนไม่ทราบขนาดเข้าที่บริเวณขมับขวาทะลุแก้มซ้าย 1 นัด อีก 1 นัด กระสุนเจาะเข้าที่บริเวณไหปลาร้าขวาทะลุกลางหลัง และยังพบเศษกระจกรถยนต์แตกกระจายเกลื่อนอยู่บนตัวผู้ตัวผู้ตาย และ รอบๆบริเวณพื้นถนน จนท.จึงได้เก็บไว้เป็นหลักฐาน สภาพศพเสียชีวิตมาแล้วประมาณ 1 ชั่วโมง ตรวจสอบในร่างกายไม่พบหลักฐานผู้ตาย สอบถามชาวบ้านที่อยู่ในที่เกิดเหตุไม่มีใครทราบว่าคนตายเป็นใครคาดว่าน่าจะเป็นคนจากที่อื่น ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงนำศพผู้ตายไปทำการชันสูตรอีกครั้งยังโรงพยาบาลวังทอง
0001

จากการสอบสวนนางเกสร อ่อนสะเดา อายุ 39 ปี อยู่บ้าน263 หมู่ 1 ต.หนองพระ อ.วังทอง ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน ให้การว่า ก่อนเกิดเหตุตนเองอยู่ในบ้านพักห่างจากจุดเกิดเหตุประมาณ 700 เมตร โดยได้ยินเสียงคล้ายอาวุธปืนจำนวน 3 นัดและมีเสียงรถยนต์ขับออกจากจุดเกิดเหตุไปอย่างรวดเร็ว หลังจากนั้นชาวบ้านจึงพากันออกมาดู ก็พบศพผู้ตายนอนเสียชีวิตอยู่ข้างทาง จึงรีบแจ้งทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ
DSC_0049

จากการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่ตำรวจเบื้องต้นสันนิษฐานว่าผู้ตายน่าจะถูกคนร้ายซึ่งน่าจะมีมากกว่า 1 คน ลวงมาจากที่ใดที่หนึ่ง โดยพานั่งรถยนต์มาจากที่อื่นเพื่อตกลงปัญหาอะไรบางอย่างแต่ไม่สามารถพูดคุยกันรู้เรื่อง ทำให้คนร้ายโกรธแค้นจึงใช้อาวุธปืนยิงผู้ตายจำนวน 2 นัด กระสุนทะลุกระจกรถยนต์แตกละเอียดตกอยู่ในที่เกิดเหตุจำนวนหนึ่ง หลังก่อเหตุคนร้ายได้เปิดประตูรถโยนศพลงทิ้งข้างทางก่อนที่คนร้ายจะเร่งเครื่องยนต์หลบหนีไป ซึ่งหลังรับแจ้งทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้วิทยุให้สกัดจับรถยนต์ต้องสงสัยทีมีกระจกแตกคาดว่าจะหลบหนีเข้าไปทาง อ.วังทอง และได้ประสานยังยังโรงพักใกล้เคียงว่ามีคนมาแจ้งความคนหายเอาไว้หรือไม่เพื่อจะสืบหาตัวคนร้ายที่ลงก่อเหตุในครั้งนี้มาดำเนินคดีตามกฎหมายโดยเร็ว0005
ต่อมาเมื่อเวลา07.00 น.วันเดียวกัน พ.ต.อ.ธรธวัช แจ่มอุดมโชติ ผกก.สภ.วังทอง จ.พิษณุโลก ได้เรียกชุดสืบสวนเข้าประชุมเพื่อลงพื้นที่หาข้อมูลเกี่ยวกับคนร้ายกลุ่มนี้ พร้อมกับได้มีนางสำรวย ศรีแจ้ง อายุ 44 ปี เดินทางมาดูศพที่โรงพยาบาลวังทอง และยืนยันว่า ผู้ตายคือนายวัน วงศ์โคคุ้ม อายุ 72 ปี อยู่บ้านเลขที่ 156/1 หมู่ 7 ต.หนองพระ อ.วังทอง ซึ่งพิการตาซ้ายบอดสนิท และขาทั้งสองข้างพิการเดินไม่ได้ และเป็นบิดาของตนเอง 0002
โดยนางสำรวยให้การว่าก่อนเกิดเหตุผู้ตายซึ่งอยู่ที่บ้านพักที่ตนเองปลูกไว้ให้อาศัยอยู่ข้างบ้านของตนเองอีกหลัง ได้พูดบ่นกับตนเองว่า รู้สึกไม่สบายอยากให้พาไปหาหมอแต่ตนเองไม่ว่างจึงยังไมได้พาไปจนกระทั้งก่อนเกิดเหตุได้มีรถยนต์กระบะสีฟ้าไม่ทราบยี่ห้อและหมายเลขทะเบียน มาจอดที่หน้าบ้านพัก และผู้ตายก็เดินออกไปขึ้นรถคันดังกล่าวก่อนขับออกจากบ้านไป จนกระทั่งเช้าวันนี้มาทราบข่าวว่ามีคนถูกยิงเสีย ชีวิตจึงเดินทางมาดูศพเพราะผู้ตายหายออกจากบ้านไปทั้งคืนก็พบว่าผู้ตายคือบิดาของตนเอง0003

นางสำรวย ยังให้การต่ออีกว่าผู้ตายมีลูก 5 คน ปกตินายวันผู้ตายมักจะเดินทางไปพักตามบ้านลูกสาวเวียนไปมาอยู่เรื่อยๆ ซึ่งผู้ตายเองก็มักจะบ่นว่าหากลูกๆทำอะไรไม่ถูกต้อง หรือลูกหลานคนไหนทำตัวไม่ดีก็จะถูกนายวันบ่นด่าว่าอยู่เป็นประจำ ส่วนผู้ตายเองก็เพิ่งมาพักกับตนได้เพียง 10 วัน ส่วนคนร้ายที่ขับรถมารับผู้ตายออกไป ตนไม่รู้จัก เพราะนึกว่าเป็นน้องๆมารับพ่อไปหาหมอ จนกระทั่งมารู้ว่าผู้ตายถูกยิงเสียชีวิต

DSC_0010

ต่อมาจนท.ตำรวจได้ตรวจรถยนต์ต้องสงสัย รถยนต์กระบะสีฟ้า ที่มีผู้พบเห็นว่ามารับพ่อเฒ่าออกไป เป็นรถยนต์ของนายแสง ออมสิน อายุ  57 ปี บ้านเลขที่ 1162 ม7 ต.หนองพระ อ.วังทอง จ.พิษณุโลก นายแสง ยอมรับสารภาพกับเจ้าหน้าที่ตำรวจว่า เวลา ประมาณ 22.00 น.คืนวันที่ 8 พฤษภาคม 2556 หลังจากตนเสร็จจากตั้งวดื่มกับเพื่อน ขณะกำลังขับรถกลับบ้าน เมื่อกำลังขึ้นถนนใหญ่ เห็นผู้ตายกระเถิดร่างออกมาอยู่ริมถนน เลยจอดรถสอบถาม ได้ความว่าขอให้ไปส่งที่โรงพยาบาลหน่อย ลูก ๆ ของผู้เสียชีวิตไม่ยอมพาไป จึงพาผู้เสียชีวิตขึ้นรถยนต์มาจากจุดดังกล่าว มุ่งหน้าสู่โรงพยาบาลวังทอง ระหว่างทาง ผู้ตายได้พูดบ่นลูกตลอดเวลา ไม่ยอมพาไปหาหมอ อยากตาย ระหว่างทางที่พาขึ้นรถมาได้ประมาณ 10 กม ผู้ตายเล้าหรือ ทำท่าใช้มือมาปักที่ตน ตลอดเวลา ตนจึงจอดรถข้างทาง และใช้ปืนขนาด 9 มม.ของตนที่พกอยู่ที่เอว ยิงใส่จำนวน 3 นัด แล้วทิ้งร่างผู้เสียชีวิตไว้ริมถนน ย้อนกลับบ้านมาล้างรถล้างคราบเลือด พอรุ่งเช้าตำรวจไปตรวจสอบรถยนต์ที่บ้าน ก็ยอมรับสารภาพว่าลงมือยิงผู้เสียชีวิตจริง

 

จากการสอบสวนทราบว่า นายแสงนั้น เป็นเพื่อนกับน้องชายของผู้เสียชีวิต ก่อนหน้าที่นายแสงจะมารับผู้เสียชีวิตขึ้นรถไปส่งโรงพยาบาลนั้น น้องชายของผู้เสียชีวิตนำรถยนต์กระบะออกไปเติมน้ำมัน เนื่องจากผู้เสียชีวิตมาร้องขอให้พาไปส่งโรงพยาบาล เมื่อนายแสงเสร็จการกินเหล้ากับเพื่อน กำลังกลับบ้าน ก็มาเจอผู้เสียชีวิตพอดี และโดยทั่วไปนายแสงเป็นคนอารมณ์ร้อน ยิ่งเวลาดื่มแล้วมักเป็นคนใช้อารมณ์รุนแรงเป็นประจำ มาเจอจังหวะผู้เสียชีวิตพูดจาระหว่างอยู่บนรถยนต์จึงหงุดหงิด และลงมือยิงใส่ไป 3 นัด

แสดงความคิดเห็น