เมื่อเวลา 00.15 น.วันที่ 9 พ.ค. ร.ต.ท.ชูศักดิ์ บุญส่ง ร้อยเวร สภ.วังทอง จ.พิษณุโลก รับแจ้งเหตุมีคนถูกยิงด้วยอาวุธปืนและนำศพมาทิ้งไว้บริเวณริมถนนสายสากเหล็ก-วังทอง ช่วงหลักกิโลเมตรที่ 11-12 หมู่ 1 บ้านสะเดา ต.หนองพระ อ.วังทอง หลังรับแจ้งจึงรายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบตามลำดับพร้อมรุดไปตรวจสอบที่เกิดเหตุพร้อมด้วย พ.ต.อ.ธรธวัช แจ่มอุดมโชติ ผกก.สภ.วังทอง พ.ต.ต.(หญิง)สุนันทา สมอุโมงค์ นักวิทยาศาสตร์สบ.2 กลุ่มงานตรวจสถานที่เกิดเหตุ ศูนย์พิสูจน์หลักฐาน 6 แพทย์เวรโรงพยาบาลวังทอง เจ้าหน้าที่กู้ภัยบูรพา ที่เกิดเหตุพบศพชายไทยอายุ ประมาณ 70 ปี ในลักษณะนอนคว่ำหน้าสวมกางเกงขาสั้นดำ ไม่สวมเสื้อ และมีเสื้อแขนยาวสีเขียวปิดคลุมศรีษะ ไม่สวมรองเท้า ตรวจสอบมีบาดแผลถูกยิงด้วยอาวุธปืนไม่ทราบขนาดเข้าที่บริเวณขมับขวาทะลุแก้มซ้าย 1 นัด อีก 1 นัด กระสุนเจาะเข้าที่บริเวณไหปลาร้าขวาทะลุกลางหลัง และยังพบเศษกระจกรถยนต์แตกกระจายเกลื่อนอยู่บนตัวผู้ตัวผู้ตาย และ รอบๆบริเวณพื้นถนน จนท.จึงได้เก็บไว้เป็นหลักฐาน สภาพศพเสียชีวิตมาแล้วประมาณ 1 ชั่วโมง ตรวจสอบในร่างกายไม่พบหลักฐานผู้ตาย สอบถามชาวบ้านที่อยู่ในที่เกิดเหตุไม่มีใครทราบว่าคนตายเป็นใครคาดว่าน่าจะเป็นคนจากที่อื่น ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงนำศพผู้ตายไปทำการชันสูตรอีกครั้งยังโรงพยาบาลวังทอง
จากการสอบสวนนางเกสร อ่อนสะเดา อายุ 39 ปี อยู่บ้าน263 หมู่ 1 ต.หนองพระ อ.วังทอง ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน ให้การว่า ก่อนเกิดเหตุตนเองอยู่ในบ้านพักห่างจากจุดเกิดเหตุประมาณ 700 เมตร โดยได้ยินเสียงคล้ายอาวุธปืนจำนวน 3 นัดและมีเสียงรถยนต์ขับออกจากจุดเกิดเหตุไปอย่างรวดเร็ว หลังจากนั้นชาวบ้านจึงพากันออกมาดู ก็พบศพผู้ตายนอนเสียชีวิตอยู่ข้างทาง จึงรีบแจ้งทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ
จากการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่ตำรวจเบื้องต้นสันนิษฐานว่า ผู้ตายน่าจะถูกคนร้ายซึ่งน่าจะมีมากกว่า 1 คน ลวงมาจากที่ใดที่หนึ่ง โดยพานั่งรถยนต์มาจากที่อื่นเพื่อตกลงปัญหาอะไรบางอย่างแต่ไม่สามารถพูดคุยกันรู้เรื่อง ทำให้คนร้ายโกรธแค้นจึงใช้อาวุธปืนยิงผู้ตายจำนวน 2 นัด กระสุนทะลุกระจกรถยนต์แตกละเอียดตกอยู่ในที่เกิดเหตุจำนวนหนึ่ง หลังก่อเหตุคนร้ายได้เปิดประตูรถโยนศพลงทิ้งข้างทางก่อนที่คนร้ายจะเร่งเครื่องยนต์หลบหนีไป ซึ่งหลังรับแจ้งทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้วิทยุให้สกัดจับรถยนต์ต้องสงสัยทีมีกระจกแตกคาดว่าจะหลบหนีเข้าไปทาง อ.วังทอง และได้ประสานยังยังโรงพักใกล้เคียงว่ามีคนมาแจ้งความคนหายเอาไว้หรือไม่เพื่อจะสืบหาตัวคนร้ายที่ลงก่อเหตุในครั้งนี้มาดำเนินคดีตามกฎหมายโดยเร็ว
ต่อมาเมื่อเวลา07.00 น.วันเดียวกัน พ.ต.อ.ธรธวัช แจ่มอุดมโชติ ผกก.สภ.วังทอง จ.พิษณุโลก ได้เรียกชุดสืบสวนเข้าประชุมเพื่อลงพื้นที่หาข้อมูลเกี่ยวกับคนร้ายกลุ่มนี้ พร้อมกับได้มีนางสำรวย ศรีแจ้ง อายุ 44 ปี เดินทางมาดูศพที่โรงพยาบาลวังทอง และยืนยันว่า ผู้ตายคือนายวัน วงศ์โคคุ้ม อายุ 72 ปี อยู่บ้านเลขที่ 156/1 หมู่ 7 ต.หนองพระ อ.วังทอง ซึ่งพิการตาซ้ายบอดสนิท และขาทั้งสองข้างพิการเดินไม่ได้ และเป็นบิดาของตนเอง
โดยนางสำรวยให้การว่าก่อนเกิดเหตุผู้ตายซึ่งอยู่ที่บ้านพัก ที่ตนเองปลูกไว้ให้อาศัยอยู่ข้างบ้านของตนเองอีกหลัง ได้พูดบ่นกับตนเองว่า รู้สึกไม่สบายอยากให้พาไปหาหมอแต่ตนเองไม่ว่างจึงยังไมได้พาไป จนกระทั้งก่อนเกิดเหตุได้มีรถยนต์กระบะสีฟ้าไม่ทราบยี่ห้อและหมายเลขทะเบียน มาจอดที่หน้าบ้านพัก แล้วอุ้มผู้ตายขึ้นรถไปด้วย จนกระทั่งเช้าวันนี้มาทราบข่าวว่ามีคนถูกยิงเสีย ชีวิตจึงเดินทางมาดูศพเพราะผู้ตายหายออกจากบ้านไปทั้งคืน ก็พบว่าผู้ตายคือบิดาของตนเอง
นางสำรวย ยังให้การต่ออีกว่า ผู้ตายมีลูก 5 คน ปกตินายวันผู้ตายมักจะเดินทางไปพักตามบ้านลูกสาวเวียนไปมาอยู่เรื่อยๆ ซึ่งผู้ตายเองก็มักจะบ่นว่าหากลูกๆทำอะไรไม่ถูกต้อง หรือลูกหลานคนไหนทำตัวไม่ดีก็จะถูกนายวันบ่นด่าว่าอยู่เป็นประจำ ส่วนผู้ตายเองก็เพิ่งมาพักกับตนได้เพียง 10 วัน ส่วนคนร้ายที่ขับรถมารับผู้ตายออกไป ตนไม่รู้จัก เพราะนึกว่าเป็นน้องๆมารับพ่อไปหาหมอ จนกระทั่งมารู้ว่าผู้ตายถูกยิงเสียชีวิต
ด้านเจ้าหน้าที่ตำรวจได้เร่งเรียกตัวบรรดาลูกๆของผู้ตายทั้ง 5 คน ที่ผู้ตายเคยไปอาศัยอยู่ด้วยมาสอบทำการสอบสวนหาสาเหตุ ประเด็นการสังหารผู้ตายที่อายุมาก และยังพิการ ว่ามาจากสาเหตุใด โดยพุ่งเป้าไปที่ปัญหาครอบครัว เป็นหลักพร้อมกับจัดเจ้าหน้าที่ลงพื้นที่หาข่าว โดยเชื่อว่าน่าจะจับกุมคนร้ายได้ภายในวันนี้.
////