วันที่ 8 พฤษภาคม 2556 นายต้อย โพธิ์เกตุ ผู้ใหญ่บ้าน หมู่ 8 ต.วังนกแอ่น อ.วังทอง จ.พิษณุโลก นำคณะกรรมการหมู่บ้าน พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจ เจ้าหน้าที่ ศปป.4 กอ.รมน. และเจ้าหน้าที่ป่าไม้ เดินทางเข้าสำรวจตรวจสอบพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติป่าลุ่มน้ำวังทองฝั่งขวา เขตรอยพื้นที่ ต.วังนกแอ่น และต.บ้านกลาง อ.วังทอง จ.พิษณุโลก หลังจากพบว่ามีนายทุนและนักการเมืองท้องถิ่น เข้ามากว้านซื้อที่ดินและบุกรุกแผ้วถางป่า เพื่อปลูกยางพาราในช่วงนี้มากกว่า 2,000 ไร่ ส่งผลให้พื้นที่ป่าหิน ถูกทำลาย ชาวบ้านแจ้งให้เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องดำเนินการตามกฎหมาย พร้อมกับเตรียมทำประชาคมหมู่บ้านเพื่อผลักดันนายทุนออกนอกพื้นที่ เพื่อป้องกันป่าหินถูกทำลาย ควบคู่กับการอนุรักษ์ผืนป่าต้นน้ำไว้ เนื่องจากหากมีการตัดไม้ทำลายป่าบริเวณป่าต้นน้ำประชาชนในหมู่บ้านจะเดือดร้อนไม่มีน้ำใช้ในช่วงฤดูแล้ง และแหล่งอาหารป่าธรรมชาติจะถูกทำลาย กลายเป็นป่ายางพารา
นายต้อย โพธิ์เกตุ ผู้ใหญ่บ้าน หมู่ 8 ต.วังนกแอ่น อ.วังทอง จ.พิษณุโลก กล่าวว่า ได้แจ้งกับทาง พล.ต คณิต อุทิตสาร ผอ.ศปป.4 กอ.รมน. พร้อมกับ พ.ต.ท.ชาญชัย หาแก้ว รอง ผกก.สภ.วังทอง ให้ดำเนินการกับนายทุนจากภาคใต้ และนักการเมืองท้องถิ่นใน จ.พิษณุโลก ที่เข้ามาบุกรุกป่าสงวนแห่งชาติป่าลุ่มน้ำวังทองฝั่งขวา บริเวณเขาดงต้อง หมู่ 8 ต.วังนอกแอ่น ปลูกยางพารากว่า 2,000 ไร่ ส่งผลให้ป่าถูกทำลายเป็นบริเวณกว้าง โดยเฉพาะจุดลานหินป่าหินที่ชาวบ้านต้องการอนุรักษ์เป็นแหล่งท่องเที่ยวของหมู่บ้าน ได้ถูกนายทุนเข้าไปบุกรุกแผ้วถางจนป่าเตียนโล่ง เพื่อเตรียมปลูกยางพาราด้วย
อย่างไรก็ตาม ทางกลุ่มชาวบ้านรู้สึกคลายความกังวลใจ เมื่อเห็นว่าเจ้าหน้าที่ของรัฐทั้งป่าไม้ ทหาร ตำรวจ ให้ความสนใจ โดยเฉพาะตำรวจ มีโครงการยุทธการยึดคืนผืนป่าให้แผ่นดิน เป็นนโยบายที่ต้องการป้องกันการบุกรุกทำลายพื้นที่ป่าต้นน้ำ และสกัดนายทุนเข้ามาบุกรุกพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ หลังพบว่าในช่วง 10 กว่าปีนี้ ป่าไม้ถูกทำลายจำนวนมาก ซึ่งจังหวัดพิษณุโลกได้เป็น 1 ใน 14 จังหวัดที่มีการบุกรุกทำลายป่ารุนแรงมากที่สุดของประเทศ หลังจากสำรวจแล้ว ชาวบ้านจะนัดทำประชาคมเพื่อแก้ไขปัญหา พร้อมผลักดันนายทุนจากภาคใต้พร้อมกับนักการเมืองท้องถิ่นที่เข้ามาบุกรุกป่าสงวนปลูกยางพาราให้ออกไปจากพื้นที่โดยเร็วที่สุด นอกเหนือเจ้าหน้าที่รัฐเข้าไปดำเนินการตามกฏหมาย
แสดงความคิดเห็น