วันนี้( 3 พ.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ทางมหาวิทยาลัยนเรศวร จากภาควิชาอุตสาหกรรมเกษตร คณะเกษตรศาสตร์ ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม มหาวิทยาลัยนเรศวร ได้ทำวิจัยครีมเทียมจากน้ำมันรำข้าว
ให้เป็นครีมเทียมผง เพื่อสุขภาพ และสามารถชะลอความแก่ นำโดย ผศ.ดร.เหรียญทอง สิงห์จานุสงค์ อาจารย์ประจำภาควิชาอุตสาหกรรมเกษตร ผศ.ดร.ปวีนา น้อยทัพผู้ช่วยวิจัย และนิสิตปริญญาเอกจำนวน 4 คน คือ นายคุณากร ขัติศรี ,นางสาวสุริยาพร นิพรรัมย์ ,นางสาววาธิณี เมนฑกุล และนางสาวนิภาวรรณ แพทย์ไชยโย ซึ่งจากผลงานการวิจัยผลิตภัณฑ์ใหม่จากรำข้าวในครั้งนี้จนสามารถได้ผลผลิตเป็น ครีมเทียมผงจากน้ำมันรำข้าวบีบเย็น เพื่อเพิ่มมูลค่าให้กับรำข้าวและเป็นทางเลือกหนึ่งสำหรับผู้บริโภคเครื่องดื่มประเภทกาแฟและชาที่ใส่ใจสุขภาพ สามารถชะลอความแก่ได้อีกด้วย
โดย ผศ.ดร.เหรียญทอง สิงห์จานุสงค์ อาจารย์ประจำภาควิชาอุตสาหกรรมเกษตร ผศ.ดร.เหรียญทอง สิงห์จานุสงค์ อาจารย์ประจำภาควิชาอุตสาหกรรมเกษตร คณะเกษตรศาสตร์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม มหาวิทยาลัยนเรศวร ได้เปิดการวิจัย “ครีมเทียมผงจากน้ำมันรำข้าว” เพื่อพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่จากรำข้าวซึ่งเป็นวัสดุเหลือทิ้งจากกระบวนการสีข้าว โดยศึกษษกระบวนการผลิตครีมเทียมผงจากน้ำมันรำข้าวบีบเย็นเพื่อเพิ่มมูลค่าให้กับรำข้าวและเป็นทางเลือกหนึ่งสำหรับผู้บริโภคเครื่องดื่มประเภทกาแฟและชาที่ใส่ใจสุขภาพ
ครีมเทียมส่วนใหญ่ทำมาจากน้ำมันปาล์มและน้ำมันมะพร้าวซึ่งมีปริมาณกรดไขมันอิ่มตัวสูง(50-20%) ถ้าบริโภคในปริมาณมากก็จะเป็นสาเหตุของโรคหัวใจและโรคมะเร็งได้ นอกจากนี้น้ำมันปาล์มยังต้องนำเข้าจากต่างประเทศมูลค่าหลายล้านบาทต่อปี ในขณะที่รำข้าวสามารถลดการนำเข้าน้ำมันปาล์ม อีกทั้งสร้างมูลค่าเพิ่มและพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่จากรำข้าว โดยสามารถเลือกใช้ครีมเทียมผงจากน้ำมันรำข้าวที่มีกรดไขมันอิ่มตัวในปริมาณที่ต่ำกว่าและมีกรดไขมันไม่อิ่มตัวในปริมาณที่สูงกว่าผลิตภัณฑ์ที่มีจำหน่ายทางการค้า
น้ำมันรำข้าวบีบเย็นคือน้ำมันที่ได้จากการบีบออกมาจากรำข้าวละเอียดที่ผ่านการสีไม่เกิน 24 ชั่วโมง โดยใช้เครื่องบีบอัดแบบเกลียวแล้วกรองผ่านกระดาษกรองและเมมเบรนที่มีขนาดตั้งแต่ 10 ไมครอนไปจนถึง 0.25 ไมครอน ซึ่งในกระบวนการผลิตน้ำมันรำข้าวบีบเย็นไม่มีการใช้สารเคมีและความร้อน จึงส่งผลให้สารออกฤทธิ์ทางชีววิทยาหลายชนิดที่มีอยู่ในน้ำมันรำข้าวยังคงอยู่ในปริมาณสูง สารสำคัญที่พบในน้ำมันรำข้าวประกอบด้วย กรดไขมันอิ่มตัวเชิงเดี่ยว ซึ่งมีคุณสมบัติช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดโรคหัวใจ วิตามินอีในกลุ่มโทโคฟีรอลและโทโคไตรอีนอล แกมมา-ออไรซานอล ไฟโตสเตียรอล สารประกอบฟีนอลิคและสควอลีน ซึ่งจัดเป็นสารต้านอนุมูลอิสระตามธรรมชาติที่มีคุณสมบัติช่วยลดระดับคอเลสเตอรอล ยับยั้งการเกาะตัวของเกล็ดเลือด ป้องกันการเกิดโรคหลอดเลือดหัวใจตีบตันและต้านการอักเสบ นอกจากนี้ยังมีสารสำคัญอื่นๆอีกหลายชนิด เช่น เซราไมด์ เมลาโทนิน ฟอสโฟลิปิดและกรดไขมันจำป็น ประกอบการมีสารต้านอนุมูลอิสระข้างต้นแล้วทำให้มีคุฯสมบัติในการบำรุงสมอง ช่วยลดความตึงเครียด ช่วยให้ผ่อนคลายและนอนหลับสบาย ทำให้ผิวพรรณมีความชุ่มชื่น นุ่มนวลและอ่อนเยาว์ ลบเลือนรอยเหี่ยวย่น จึงช่วยชะลอความแก่ได้ การมีสารสำคัญและประโยชน์ต่อสุขภาพดังกล่าวทำให้น้ำมันรำข้าวบีบเย็นมีมูลค่าสูงกว่ารำข้าวหลายพันเท่า อีกทั้งลดความเสี่ยงต่อโรคหัวใจ ลดคอเลสเตอรอลในร่างกายและช่วยเพิ่มหรือคงระดับคอเลสเตอรอลที่ดี ป้องกันโรคมะเร็ง ต่อต้านอนุมูลอิสระได้ดีกว่าวิตามินอีถึง 10 เท่า ช่วยลดคอเลสเตอรอลที่ไม่ดีและเพิ่มคอเลสเตอรอลที่ดี นอกจากนั้นน้ำมันรำข้าวบีบเย็นยังช่วยเพิ่มมูลค่าโดยการสกัดรำน้ำมัน 5-10 บาทต่อกิโลกรัม ด้วยปริมาณกรดไขมันที่สมดุล องค์การกนามัยโลก สมาคมโรคหัวใจแห่งสหรัฐอเมริกาและองค์การอาหารและเกษตรแห่งสหประชาชาติจึงแนะนำว่า น้ำมันรำข้าวเป็นน้ำมันที่เหมาะต่อการบริโภค
ทั้งนี้ผลงานวิจัย “ครีมเทียมผงจากน้ำมันรำข้าวบีบเย็น” ได้จดอนุสิทธิบัตรแล้วและได้มีการต่อยอดการผลิตครีมเทียมผงและครีมเทียมเหลวแบบธรรมดาและแบบพร่องไขมันจากน้ำมันรำข้าวบีบเย็นและน้ำมันรำข้าวที่ผ่านกรรมวิธี เตรียมต่อยอดเชิงพาณิชย์เพื่อพัฒนาสู่การผลิตในระดับอุตสาหกรรมต่อไป
////