เมื่อเวลา 11.30 น. วันที่ 11 เม.ย. 56 พล.ต.ต.พชร บุญญสิทธิ์ ผบก.ภ.จว.พิษณุโลก ได้นำกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าตรวจสอบอาคารพาณิชย์ หลังสถานีขนส่งผู้โดยสาร เขตเทศบาลเมืองพิษณุโลก หลังได้รับแจ้งจากตำรวจสายตรวจว่า พบรถจักรยานยนต์กลุ่มวัยรุ่นจำนวนหนึ่ง ที่เคยก่อเหตุวิ่งแข่งกันบนถนน สร้างความเดือดร้อนให้กับชาวบ้านในยามค่ำคืน ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ได้จดทะเบียน และถ่ายรูปไว้เป็นหลักฐาน พร้อมทำการตรวจสอบ กระทั่งทราบว่าเป็นรถจักรยานยนต์ของใคร จึงได้ติดตามกระทั่งพบมารวมตัวกันอยู่ที่อาคารพาณิชย์ดังกล่าว
เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ตรวจสอบพบรถจักรยานยนต์ดัดแปลงจำนวน 6 คัน ส่วนมากไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน จอดอยู่หน้าอาคารพาณิชย์ ทางเจ้าหน้าที่จึงทำการตรวจยึดเป็นของกลาง โดยนำโซ่มาคล้องล้อรถเอาไว้ เนื่องจากรถจักรยานยนต์ทั้งหมดได้ก่อเหตุรวมตัวกันแข่งขันบนท้องถนนบึงพระ อ.เมืองพิษณุโลก ซึ่งก่อนหน้าทางเจ้าหน้าที่จึงได้ถ่ายภาพพร้อมจดหมายเลขทะเบียนไว้เป็นหลักฐาน ก่อนจะทำการตรวจสอบผู้ขับขี่และรถจักรยานยนต์ดังกล่าว กระทั่งติดตามมาพบรถ จึงทำการตรวจยึดจับกุม เป็นของ นายธรรมรัตน์วิชัย อายุ 24 ปี อยู่บ้านเลขที่ 171/1 ม. 5 ต.ปลักแรด อ.บางระกำ จ.พิษณุโลก นายพีระภัทร สุขแก่นแก้ว อายุ 24 ปี อยู่บ้านเลขที่ 1 ม.11 ต.ดอนทอง อ.เมืองพิษณุโลก นายนพพล ดีประเสริฐ อายุ 21 ปี อยู่บ้านเลขที่ 19/49 ถนนวิสุทธิ์กษัตริย์ ต.ในเมือง อ.เมืองพิษณุโลก นายพีรพัฒน์ ทิมเถื่อน อายุ 24 ปี อยู่บ้านเลขที่ 99 ม.10 ต.บึงพระ อ.เมืองพิษณุโลก
ต่อมาวันเดียวกัน พล.ต.ต.พชร บุญญสิทธิ์ ผบก. ได้นำกำลังเจ้าหน้าที่ชุดเดิมรุดไปทำการตรวจสอบ ที่บ้านเลขที่ 122 ม.12 ต.บ้านกร่าง อ.เมืองพิษณุโลก หลังจากมีการนำหมายค้นจากศาลจังหวัดพิษณุโลก เข้าตรวจค้นบ้านหลังดังกล่าว หลังสืบทราบว่ามีสิ่งผิดกฎหมายซุกซ่อนอยู่ พบนายพัฒนพล นิ่มวงค์ อายุ 18 ปี ซึ่งเป็นหลานชายบ้านหลังดังกล่าว ตรวจค้นภายในบ้านพบ อาวุธปืนจำนวน 3 กระบอก เป็นปืนลูกซองสั้น พร้อมกระสุน 2 นัด ปืนลูกโม่ .38 พร้อมกระสุน 5 นัด ปืนออโตเมติกขนาด 9 มม. พร้อมกระสุน 42 นัด ยาบ้าน 200 กว่าเม็ด ยาไอซ์ 93 กรัม พร้อมเครื่องดิจิตอล โทรศัพท์มือถือ 2 เครื่อง สอบสวนให้การรับสารภาพว่าเป็นเครือข่ายยาเสพติดจากเรือนจังหวัดพิษณุโลก โดยมีการสั่งผ่านซื้อส่งข้อความ SMS ให้ไปรับยาเสพติดที่ผู้ค้านำไปวางเอาไว้ตามจุดต่างๆ ก่อนจะนำมาจำหน่ายให้กับผู้เสพรายย่อย
พล.ต.ต.พชร ผบก.ภ.จว. กล่าวว่า หลังเปิดยุทธการเชิงรุก..บุกถึงบ้าน เป็นการทำงานที่ปฏิบัติจริง ดำเนินคดีกับผู้กระทำความผิด อย่างกลุ่มเด็กแว้นที่ตรวจยึดรถเอาไว้นั้น ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ให้สายทำการจดหมายเลขทะเบียน และยี่ห้อ ตลอดทั้งถ่ายรูปเอาไว้เป็นหลักฐาน หากไล่จับช่วงแข่งกันคงตามจับไม่ทันแน่นอน จึงต้องใช้วิธีนี้เก็บหลักฐานเอาไว้ ก่อนจะทำการสอบสวนสืบสวน ติดตามจับกุมภายหลัง ซึ่งจะมีการตรวจยึดรถส่งฟ้องศาล เพื่อให้ทำการริบเป็นของกลาง และทำการตรวจสอบว่ามีคันไหนถูกขโมยมาหรือไม่ ต้องดำเนินการอย่างเด็ดขาด ส่วนยาเสพติดต้องขยายผลติดตามยึดทรัพย์ให้หมด