วันนี้ 7 เม.ย.)นายวสันต์ ภูพิชิต หัวหน้าอุทยานแห่งชาติทุ่งแสลงหลวง เปิดเผยว่า ทางอุทยานแห่งชาติทุ่งแสลงหลวง ได้นำสับปะรดจำนวนกว่า 1,000 กิโลกรัม กิโลกรัมละ 3 บาท นำไปวางกองไว้บริเวณเขตแนวตะเข็บป่า ต.หนองแม่นา อ.เขาค้อ จ.เพชรบูรณ์ กับเขต อ.นครไทย จ.พิษณุโลก เพื่อนำมาให้โขลงช้างป่าได้กิน หลังจากปีนี้สภาพอากาศแห้งแล้ง ทำให้อาหารช้างมีปริมาณลดลง ส่งผลให้มีราษฎร ร้องเรียนและแจ้งว่ามีช้างป่าออกไปกินและทำลายพืชผลทางการเกษตร เช่น กล้วย มะพร้าว มะละกอ และทำลายทรัพย์สินของราษฎรจำนวนมาก อีกทั้งยังทำลาย กระท่อม โอ่งใส่น้ำ ได้รับความเสียหาย
อุทยานแห่งชาติทุ่งแสลงหลวง จึงได้ส่งกำลังเจ้าหน้าที่ออกตรวจติดตามพบร่องรอย มีช้างป่าออกไปกินและทำลายพืชผลทางการเกษตรของราษฎรมีจำนวน 3 ตัวซึ่งเป็นช้างตัวผู้ (ช้างสีดอ) 1 ตัว และช้างตัวเมียพร้อมลูก และจากการสำรวจในพื้นที่อุทยานแห่งชาติทุ่งแสลงหลวงได้พบช้างป่ามาอาศัยอยู่กว่า 60 ตัว การที่นำสับปะรดมาวางได้ยังเป็นการดึงให้ช้างมากินสับปะรด อาหารบริเวณที่ทางอุทยานฯเตรียมไว้ให้ ไม่ไปสร้างความเดือดร้อนให้ชาวบ้าน และจะได้อาศัยอยู่ในภายเขตป่าทุ่งแสลงหลวงเพิ่มจำนวนประชากรช้างมากขึ้น
นายวสันต์ กล่าวว่า อุทยานแห่งชาติทุ่งแสลงหลวงยัง ได้เข้าไปชี้แจงขอความร่วมมือกับชาวบ้านในพื้นที่ ไม่ให้ทำร้ายช้าง และได้ส่งเจ้าหน้าที่เข้าช่วยเหลือชาวบ้าน โดยการจุดพลุประทัด เพื่อให้เกิดเสียงดัง และติดตั้งรั้วไฟฟ้าที่ใช้ล้อมปศุสัตว์ เพื่อขับไล่ช้างไม่ให้เข้าไปทำลายพืชผลทางการเกษตร จากการดำเนินการดังกล่าวช้างตัวเมียพร้อมลูก ได้กลับเข้าสู่อุทยานแห่งชาติทุ่งแสลงหลวง คงเหลือช้างตัวผู้ (ช้างสีดอ) ยังคงออกไปหากินพืชผลทางการเกษตรของทางราษฎรอยู่ แต่ในอนาคตเชื่อว่าปัญหานี้จะหมดไป
เพื่อเป็นการบรรเทาความเดือดร้อนของราษฎรแบบการเร่งด่วน อุทยานแห่งชาติทุ่งแสลงหลวง จึงมีแนวคิดที่จะล่อให้ช้างป่ากลับเข้าไปหากินในพื้นที่อุทยานฯ โดยการนำเอาสับปะรด ซึ่งเป็นผลไม้ที่มีรสหวาน และช้างชอบกินไปวางไว้ตามเส้นทางเดินของช้าง และวางลึกเข้าไปในเขตอุทยานแห่งชาติทุ่งแสลงหลวง เพื่อล่อให้ช้างตามเข้าไปกินและอยู่ในพื้นที่ หากช้างกลับเข้าพื้นที่จะได้หาสับปะรดให้กับช้างเพื่อให้เพียงพอ ช้างจะได้ไม่ให้ออกไปรบกวนราษฎรอีก ส่วนในการแก้ไขปัญหาระยะยาว ทางอุทยานแห่งชาติทุ่งแสลงหลวงจะได้จัดทำโครงการปลูกพืชอาหารช้าง โครงการทำโป่งเทียมเพื่อเสริมแร่ธาตุ โครงการสร้างแหล่งน้ำ อันจะเป็นการแก้ปัญหาอย่างยั่งยืนตลอดไป”
////