วันที่ 28 มีนาคม 2556 ที่ห้องจุฬามณี 2 สำนักงานเทศบาลนครพิษณุโลก นายบุญทรง แทนธานี นายกเทศมนตรีนครพิษณุโลก ตัวแทนของเทศบาลนครพิษณุโลก และนายประพัฒน์ โพธิวรคุณ กรรมการผู้จัดการ ตัวแทนของบริษัท สหกันยง จำกัด ร่วมลงนามบันทึกความเข้าใจ โครงการกำจัดขยะและแปรรูปเป็นพลังงานไฟฟ้าด้วยเทคโนโลยีGASIFICATION โดยการนำขยะมูลฝอยที่จัดเก็บจากบ้านเรือนประชาชน มาใช้เป็นพลังงานเชื้อเพลิงแปรรูปเป็นพลังงานไฟฟ้า
นายบุญทรง แทนธานี นายกเทศมนตรีนครพิษณุโลก กล่าวว่า ตามที่เทศบาลนครพิษณุโลกได้รับความช่วยเหลือจากรัฐบาลสหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมัน ผ่านสำนักงานความร่วมมือทางวิชาการเยอรมัน (GTZ) ภายใต้โครงการจัดการขยะมูลฝอยในชุมชนเมืองจังหวัดพิษณุโลก โดยได้ดำเนินงานมาตั้งแต่ พ.ศ. 2541 จากความช่วยเหลือดังกล่าวเทศบาลนครพิษณุโลกประสบความสำเร็จเป็นอย่างมากในการที่ประชาชนให้ความร่วมมือในการคัดแยกขยะจากบ้านเรือน ก่อนทิ้งลงสู่ถังขยะ ทำให้เทศบาลนครพิษณุโลกสามารถลดปริมาณขยะจากวันละ 140 ตัน เหลือ 80 ตัน/ วัน ขณะที่ อบต. เทศบาลข้างเคียง ที่เคยนำขยะไปทิ้งกับบ่อเอกชน ไม่สามารถทิ้งได้เนื่องจากบ่อไม่ได้มาตรฐานทำให้สำนักงานสิ่งแวดล้อม สั่งปิดบ่อขยะทำให้ เทศบาลและอบต. หันมาทิ้งขยะ ที่พื้นที่ฝังกลขยะตำบลบึงกอกของเทศบาลนครพิษณุโลกจำนวนมากขึ้นส่งผลให้ปริมาณขยะเพิ่มขึ้นเป็นวันละ 120 ตัน ขณะที่ต้นทุนการกำจัดขยะเฉลี่ยตัวละกว่า 1,000 บาท 
เมื่อทางด้านบริษัท สหกันยง จำกัด ได้เสนอขอนำเครื่องจักร GASIFICATION และอุปกรณ์คัดแยกขยะเข้ามาติดตั้ง ทดสอบระบบในโครงการกำจัดขยะและแปรรูปเป็นพลังงานไฟฟ้าด้วยเทคโนโลยี GASIFICATION ณ สถานีฝังกลบขยะมูลฝอยเทศบาลนครพิษณุโลกตำบลบึงกอก อำเภอบางระกำ จังหวัดพิษณุโลก เป็นเวลา 2 ปี ระยะแรกทดลองนำขยะจำนวน 25 ตัน จาก 100 ตัน แปลงเป็นเชื้อเพลิงและ ผลิตกระแสไฟฟ้า ขณะนี้อยู่ในขั้นตอนตรวจสอบสารตกค้าง และมลภาวะในอากาศ เพื่อความมั่นใจว่าในกระขบวนการเดินเครื่องจักรกำจัดขยะดังกล่าวจะไม่มีผลต่อสิ่งแวดล้อม หากการทดสอบระบบสามารถผลิตไฟฟ้าได้ตามเป้าหมาย จะมีการพิจารณาส่วนแบ่งรายได้จากการจำหน่ายกระแสไฟฟ้าที่ผลิตได้ เชื่อว่าจะทำให้ WIN WIN ทุกฝ่าย
โดยทางบริษัท สหกันยง จำกัด จะนำขยะไปเป็นเชื้อเพลิงในกระบวนการแปรรูปเป็นพลังงานไฟฟ้าด้วยเทคโนโลยีGASIFICATION ในส่วนของเทศบาลนครพิษณุโลกได้รับประโยชน์จากการกำจัดขยะมูลฝอยนำไปสู่กระบวนการขยะเป็นศูนย์Zero Landfill ส่งผลให้สามารถช่วยยืดอายุบ่อฝังกลบให้ยืนยาวขึ้นอีกด้วย นอกจากนี้ยังมีรายได้จากการจำหน่ายพลังงานไฟฟ้า นับได้ว่าเป็นการใช้ประโยชน์จากทรัพยากรธรรมชาติอย่างคุ้มค่า ช่วยรักษาสิ่งแวดล้อม และยังเป็นการจัดการกากของเสียอย่างถูกวิธีอีกด้วย และหวังว่าความสำเร็จนี้จะเป็นแบบอย่างที่ดีให้กับหน่วยงานอื่นๆ ในการจัดการขยะแบบครบวงจรและส่งผลดีกับสิ่งแวดล้อมในอนาคต
นายประพัฒน์ โพธิวรคุณ ประธานบริหารบริษัท สหกันยงจำกัด กล่าวว่า กลุ่มบริษัทกันยงมีความตั้งใจ จัดหาเทคโนโลยีใหม่ ๆ ซึ่งปัจจุบัน บริษัท สหกันยง ผู้ได้รับสิทธิบัตร ในการผลิตและจำหน่ายระบบการกำจัดขยะด้วยอุณหภูมิสูง และแปรรูปเป็นพลังงานไฟฟ้าด้วยเทคโนโลยี GASIFICATION ในภูมิภาคเอเชียแต่เพียงผู้เดียว จาก ดร.มูราท ด๊อกกรู เป็นนักวิจัยและอาจารย์ มหาวิทยาลัย NEWCASTLE ประเทศอังกฤษ ซึ่งเป็นผู้คิดค้นระบบและเป็นเจ้าของสิทธิบัตร โดยผลงานประสบความสำเร็จและเป็นที่ยอมรับทั้งในทวีปยุโรปและทวีปอเมริกา
ระบบ GASIFICATION เป็นกระบวนก ารเปลี่ยนสารอินทรีย์ ซึ่งประกอบด้วย คาร์บอนและไฮโดรเจนให้กลายเป็นการซึ่งใช้ก๊าซที่เผาไหม้ได้ ได้แก่ ก๊าซคาร์บอนมอนอกไซด์ (CO) ก๊าซไฮโดรเจน (H2) และก๊าซมีเทน ) และก๊าซมีเทน ) และก๊าซมีเทน (CH4) โดยกระบวนการเป็นการเผาไหม้อินทรีย์สารแบบจำกัดปริมาณออกซิเจนทำ) โดยกระบวนการเป็นการเผาไหม้อินทรีย์สารแบบจำกัดปริมาณออกซิเจนทำให้เกิดการเผาไหม้ที่ไม่สมบูรณ์ซึ่งก๊าซที่ได้เรียกว่าก๊าซเชื้อเพลิง (Producer Gas หรือ Syngas) สามารถนำไปเป็นเชื้อเพลิงได้
นายประพัฒน์ กล่าวว่า ทางบริษัทพร้อมลงทุน โดยแห่งแรก ที่เริ่มดำเนินการ เทศบาลนครพิษณุโลก ลงทุน 200 ล้านบาท นำขยะจำนวน 100 ตันต่อวัน เพื่อผลิตกระแสไฟฟ้าได้ 2 เมกะวัตต์ มีระยะเวลาดำเนินการ 10 ปี คาดกำจัดขยะเหลือศูนย์ ในเดือนเมษายนนี้จะทำการรับฟังความเห็นจากชุมชนบ้านบึงกอก พร้อมดำเนินติดต่ออนุญาตสร้างโรงงาน ติดต่อการไฟฟ้าฝ่ายผลิต คาดว่า เดือนตุลาคมปี 2556 จะเริ่มดำเนินการสร้างโรงงานผลิตกระแสไฟฟ้าได้ หลังจากนี้มีแผนดำเนินการกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในประเทศไทยภายในปีนี้อีก 4 แห่ง จากนั้นยังมีแผนขยายการดำเนินการลักษณะเช่นนี้ไปทั่วประเทศในแถบอาเซียน ต่อไป