เมื่อวันที่ 19 มี.ค. 56 ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งจากประชาชนในพื้นที่ ว่าบริเวณ ม.1 ต.บ้านแยง อ.นครไทย จ.พิษณุโลก มีพื้นที่ป่าในเขตอุทยานแห่งชาเมื่อวันที่ 19 มี.ค. 56 ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งจากประชาชนในพื้นที่ ว่าบริเวณ ม.1 ต.บ้านแยง อ.นครไทย จ.พิษณุโลก มีพื้นที่ป่าในเขตอุทยานแห่งชาติทุ่งแสลงหลวง ถูกบุกรุกแผ้วถางป่าเสียหายเป็นบริเวณกว้าง ชาวบ้านร้องเรียนไปยังหน่วยงานรับผิดชอบ แต่ไม่มีความคืบหน้าและดำเนินการอะไร จึงได้เดินทางไปตรวจสอบข้อเท็จจริง จากการตรวจสอบพบว่า บริเวณผืนป่าดังกล่าวอยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติทุ่งแสลงหลวง ซึ่งอยู่ทางทิศเหนือ ห่างจากน้ำตกแก่งโสภาประมาณ 500 เมตร ซึ่งเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญของจังหวัดพิษณุโลก สภาพที่พบเห็นผืนป่ามีการบุกรุกหลายจุด และมีการตัดต้นไม้ และเผาป่าเสียหาย จนเกิดสภาพป่าทรุดโทรม ทั้งนี้เนื่องจากผู้บุกรุกดต้องการเข้าไปทำกิน บางจุดได้มีการปลูกพืชทางการเกษตรไปแล้ว สำหรับผืนป่าที่ถูกบุกรุกเสียหายประมาณ 50-70 ไร่เป็นผืนป่าที่ใหญ่ที่สุดที่เสียหาย ในจุดใกล้เคียงกันมีการจุดไฟเผาป่าเสียหายประมาณ 30-50 ไร่ รวมผืนป่าที่ถูกบุกรุกกว่า 100 ไร่
สอบถามจากแหล่งข่าว ทราบว่าพื้นที่ป่าดังกล่าว มีการจัดสรรให้เป็นที่ทำกินส่วนหนึ่ง โดยมีการแบ่งเขตบริเวณที่ทำกินแยกกับผืนป่าอย่างชัดเจน ส่วนผืนป่าที่ถูกบุกรุกนั้นอยู่ในเขตป่าไม้ที่ทางอุทยานแห่งชาติทุ่งแสลงหลวงกันเอาไว้ ช่วงหลังมีบุคคลเข้าไปบุกรุกครอบครองเป็นของตนเอง แต่ไม่มีการจับกุมจากทางเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติทุ่งแสลงหลวง ทั้งที่อยู่ไม่ไกลจากที่ทำการอุทยานแห่งชาติทุ่งแสลงหลวงมากนัก และมีการร้องเรียนไปที่หน่วยงานรับผิดชอบ กลับไม่มีความคืบหน้าแต่อย่างใด ติทุ่งแสลงหลวง ถูกบุกรุกแผ้วถางป่าเสียหายเป็นบริเวณกว้าง ชาวบ้านร้องเรียนไปยังหน่วยงานรับผิดชอบ แต่ไม่มีความคืบหน้าและดำเนินการอะไร จึงได้เดินทางไปตรวจสอบข้อเท็จจริง
จากการตรวจสอบพบว่า บริเวณผืนป่าดังกล่าวอยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติทุ่งแสลงหลวง ซึ่งอยู่ทางทิศเหนือ ห่างจากน้ำตกแก่งโสภาประมาณ 500 เมตร ซึ่งเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญของจังหวัดพิษณุโลก สภาพที่พบเห็นผืนป่ามีการบุกรุกหลายจุด และมีการตัดต้นไม้ และเผาป่าเสียหาย จนเกิดสภาพป่าทรุดโทรม ทั้งนี้เนื่องจากผู้บุกรุกดต้องการเข้าไปทำกิน บางจุดได้มีการปลูกพืชทางการเกษตรไปแล้ว สำหรับผืนป่าที่ถูกบุกรุกเสียหายประมาณ 50-70 ไร่เป็นผืนป่าที่ใหญ่ที่สุดที่เสียหาย ในจุดใกล้เคียงกันมีการจุดไฟเผาป่าเสียหายประมาณ 30-50 ไร่ รวมผืนป่าที่ถูกบุกรุกกว่า 100 ไร่ สอบถามจากแหล่งข่าว ทราบว่าพื้นที่ป่าดังกล่าว มีการจัดสรรให้เป็นที่ทำกินส่วนหนึ่ง โดยมีการแบ่งเขตบริเวณที่ทำกินแยกกับผืนป่าอย่างชัดเจน ส่วนผืนป่าที่ถูกบุกรุกนั้นอยู่ในเขตป่าไม้ที่ทางอุทยานแห่งชาติทุ่งแสลงหลวงกันเอาไว้ ช่วงหลังมีบุคคลเข้าไปบุกรุกครอบครองเป็นของตนเอง แต่ไม่มีการจับกุมจากทางเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติทุ่งแสลงหลวง ทั้งที่อยู่ไม่ไกลจากที่ทำการอุทยานแห่งชาติทุ่งแสลงหลวงมากนัก และมีการร้องเรียนไปที่หน่วยงานรับผิดชอบ กลับไม่มีความคืบหน้าแต่อย่างใด