นายไววิทย์ สุขมาก ผู้ช่วยผู้อำนวยการฝ่ายปฏิบัติการภาคเหนือ บริหาร การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) เปิดเผยถึงการเตรียมแผนรับผลกระทบจากการหยุดผลิตก๊าซธรมชาติจากแหล่งยาดานา ว่า ในส่วนของฝ่ายปฏิบัติการภาคเหนือ การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ซึ่งดูแลพื้นที่ 17 จังหวัดภาคเหนือ ไม่ได้รับผลกระทบจากการหยุดผลิตก๊าซแหล่งยาดา ประเทศพม่าแต่อย่างใด เนื่องจากในพื้นที่ภาคเหนือมีแหล่งผลิตไฟฟ้า 3 แหล่งใหญ่ คือแหล่งผลิตไฟฟ้าจากถ่านหิน แม่เมาะ จ.ลำปาง แหล่งผลิตไฟฟ้าจากพลังน้ำ เขื่อนภูมิพล จ.ตาก และเขื่อนสิริกิติ์ จ. อุตรดิตถ์ มีกำลังการผลิตไฟฟ้าได้วันละ 3,680 เมกกะวัตต์ ขณะที่การใช้ไฟฟ้าของประชาชนและโรงงานอุตสาหกรรมในพื้นที่ภาคเหนือใช้ไฟฟ้าเพียงวันละ 2,340 เมกกะวัตต์ ทำให้มีไฟฟ้าเหลือใช้อยู่ที่ 1,300 เมกกะวัตต์ ทำให้ในพื้นที่ภาคเหนือมีไฟฟ้าเพียงพอไม่ได้รับผลกระทบแต่อย่างใด นอกจากนี้ กำลังการผลิตไฟฟ้าที่เหลือ ยังสามารถส่งไปช่วยเหลือพื้นที่ภาคกลางและกรุงเทพมหานคร ได้ด้วย
นายไววิทย์ กล่าวว่า ทาง กฟผ. ให้เตรียมแผนรองรับผลกระทบจากกรณีก๊าซพม่าหยุดจ่ายไว้แล้ว โดยฝ่ายปฏิบัติการภาคเหนือ กฟผ. ได้สำรองไฟฟ้าไว้แล้ว แต่คาดว่าจะไม่ได้รับผลกระทบมากนักในส่วนของภาคกลางและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จะมีผลกระทบมากทางภาคใต้อยู่บ้าง ซึ่งทาง กฟผ.ได้เตรียมการแก้ไขปัญหาไว้หลายมาตรการ นอกจากดึงไฟฟ้าจากหลายส่วนในประเทศแล้ว ยังรณรงค์ให้ประชาชนช่วยกันประหยัดไฟฟ้าด้วย
“ฝากบอกประชาชนทางภาคเหนือไม่ต้องกังวลกับปัญหาการหยุดผลิตก๊าซธรรมชาติจากแหล่งยาดา เพราะไม่ได้ส่งผลกระทบกับประชาชนที่ภาคเหนือ แต่ช่วงนี้ซึ่งใกล้สู่หน้าร้อน ประชาชนมีการใช้ไฟฟ้าเพิ่มมากขึ้นต่อเนื่อง โดยเฉพาะช่วงกลางเดือนมีนาคม-พฤษภาคม ปริมาณการใช้ไฟฟ้าจะเพิ่มขึ้นเฉลี่ย 10-15 % ซึ่งทุกปีเตรียมแผนรองรับไว้ เชื่อว่าไม่มีปัญหา อย่างไรก็ตามอยากฝากขอความร่วมมือประชาชนช่วยกันประหยัดไฟฟ้าในครัวเรือน ปิดเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ไม่จำเป็น เพื่อลดปริมาณการใช้ไฟฟ้า นอกจากนี้ยังพบปัญหาที่ส่งผลกระทบการส่งไฟฟ้า ส่งผลทำให้เกิดปัญหาไฟตก ไฟดับได้ คือ การยิงนก การเผาหญ้า การขุดดินใกล้เสาไฟฟ้าแรงสูง น้ำกัดเซาะเสาไฟฟ้า และการขโมยอุปกรณ์ไฟฟ้า ยังปัญหาดังกล่าวพบพื้นที่ จังหวัดน่าน แพร่ สุโขทัยและตาก ขอให้ประชาชนช่วยดูแลสอดส่าองเพื่อลดปัญหาดังกล่าวด้วย” นายไววิทย์ กล่าว