ผู้สื่อข่าวงานงานว่า ที่อำเภอเนินมะปราง จังหวัดพิษณุโลก ในช่วงฤดูหนาวต่อเนื่องถึงฤดูร้อน นาข้าวหลายพันไร่ในเขตอำเภอเนินมะปราง อยู่ในสภาพถูกทิ้งร้าง ขาดน้ำทำนา เนื่องจากฝนทิ้งช่วง อีกทั้งในพื้นที่ไม่มีแหล่งน้ำธรรมชาติขนาดใหญ่ และไม่มีระบบชลประทาน ทำให้พื้นที่การเกษตรแถบนี้ใช้ประโยชน์ทำนาได้เพียงปีละ 1 ครั้งในฤดูฝนเท่านั้น ในช่วงนี้ ชาวนาหลายรายเริ่มลงทุนจ้างมาขุดเจาะน้ำบาดาลในพื้นที่ เพื่อเพิ่มโอกาสในการทำนาให้มากขึ้น
นายฉลอง คันอุดร อายุ 71 ปี อยู่บ้านเลขที่ 99 หมู่ 4 บ้านซำรัง ต.ชมพู อ.เนินมะปราง จ.พิษณุโลก ชาวนารายหนึ่งเปิดเผยว่า ตนเองมีนาข้าวจำนวน 6 ไร่ ที่ผ่านมา ใช้น้ำจากน้ำฝน ในการทำนา ทำให้ทำนาได้เพียงปีละ 1 ครั้ง แต่ในช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมา ฝนทิ้งช่วงนาน ปริมาณน้ำฝนมีน้อย ไม่เพียงพอต่อการทำนา อีกทั้งฝนไม่ตกตามฤดูกาล ทำให้บางครั้งนาข้าวได้รับความเสียหาย จึงได้ตัดสินใจลงทุนว่าจ้าง เจาะบ่อบาดาล ในราคาค่าจ้าง 3 หมื่นบาท เพื่อจะได้ใช้น้ำบาดาลในการทำนา และหวังว่าเมื่อมีน้ำบาดาลแล้ว ก็จะสามารถทำนาได้มากกว่าปีละ 1 ครั้ง ส่วนที่มีหน่วยงานออกมารณรงค์ให้งดทำนาในช่วงฤดูแล้ง แล้วให้ไปปลูกพืชอย่างอื่นทดแทนนั้น นายฉลอง กล่าวว่า การปลูกพืชชนิดอื่น ตนเองไม่มีความรู้ ไม่ถนัด ปลูกแล้วก็ไม่รู้ว่าจะไปขายที่ไหน ราคาเป็นอย่างไร จึงขอเลือกที่จะทำนาข้าวอย่างที่ตนเองถนัด แม้จะว่าจะมีความเสี่ยงจากการขาดน้ำทำนา
ด้าน นายวีรศักดิ์ รอบไทสง อายุ 34 ปี อยู่บ้านเลขที่ 96 หมู่ 6 ต.ชมพู อ.เนินมะปราง จ.พิษณุโลก เจ้าของธุรกิจเจาะบ่อบาดาล ยอมรับว่า ตั้งแต่ต้นปี2556 เป็นต้นมา มีชาวนาในพื้นที่ และละแวกใกล้เคียง ติดต่อให้ไปเจาะบ่อบาดาลจำนวนหลายราย จนทำไม่ทัน และระยะนี้หากต้องการจะเจาะบ่อบาดาล ต้องรอคิวนานประมาณ 1 เดือน ส่วนราคาค่าจ้าง ขึ้นอยู่กับความยากง่าย เพราะบางแห่ง ต้องขุดเจาะลึกลงไปใต้ดินเกือบ 100 เมตร ใช้เวลาหลายวัน ถึงจะเจอน้ำ