ทูตจีนย้ำรถไฟเร็วสูงไทยเชื่อมจีนสู่อาเซียน

วันที่ 4กุมภาพันธ์ 2556 ที่อาคารเอกาทศรถ มหาวิทยาลัยนเรศวร อ.เมือง จ. พิษณุโลก กรมเอเชียตะวันออก กระทรวงต่างประเทศ ได้ จัดสัมมนาโครงการ” CHINA WATCH”เรื่องการเติบโตของจีนต่อโอกาสทางกเศรษฐกิจของภาคเหนือตอนล่างและภูมิภาค”โดยเชิญนายวิบูลย์ คูสกุล เอกอัครราชทูต ณ กรุงปักกิ่ง นาย กว่าน มู่เอกอักรราชทูตจีนประจำประเทศไทย พร้อมกับ ดร.ปรเมธี วิมลศิริ รองเลขาฯคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.)อธิบายถึงวิสัยทัศน์และนโยยายรัฐบาลสำหรับการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจเหนือใต้ ตะวันออก-ตก”โดยมี ดร.สุจินต์ จินายน อธิบดีม.นเรศวรให้การต้อนรับพร้อมผู้ว่าราชการจังหวัดพิษณุโลกโดยมีนักธุรกิจและหัวหน้าส่วนราชการหลายแห่งรวมรับฟังประมาณ 350 คนรวมถึงผู้ว่าราชการจังหวัดตากนั่งฟังอย่างสนใจ

นายวิบูลย์ คูสกุล เอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงปักกิ่ง บรรยายพิเศษ”การเติบโตของจีนกับโอกาสและความท้าท้ายต่อไทยและภูมิภาค” ตอนหนึ่งว่า จีนอยากเห็นการเมืองไทยนิ่ง การวางโครงข่ายคมนาคมถือว่า
เป็นโอกาสไทย เพราะประเทศไทยเป็นคู่อันดับ 2 ของประเทศจีนในกลุ่มอาเซียน มูลค่าการค้าปีละ 6 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ ตั้งเป้าหมาย แสนล้านบาทในอีก 3 ปีข้างหน้า ทุกวันนี้ผลไม้ทั้งกล้วยและมังคุดส่งไปขายจีนมากกว่าแอปเปิลส่งมาขายในประเทศไทย

นายวิบูลย์ เปิดเผยว่า ข้อได้เปรียบของไทย คือ จีนตอนใต้ต้องการผ่านไทยสู่อาเชียนลงทะเล สิ่งที่จับตาคือรถไฟความเร็วสูง อีกทั้งยังแวะผ่านพิษณุโลก ฉะนั้นผลไม้ไทยสามารถตีตลาดจีนได้ทันทีโดยเฉพาะทุเรียน
ส่วนกล้วยไข่(กล้วย-ฮ่องเต้)นั้นทุกวันนี้ส่งไปขายจีน 6,000 คอนเทนเนอร์ต่อปี นอกจากนี้มันสำปะหลัง ยางพาราถือเป็นโอกาสเกษตรกรไทยนอกจากนี้ยังทำให้นักท่องเที่ยวเพิ่มมากขึ้น คาดว่านักท่องเที่ยวจีนจำนวน 2.5 ล้านคนจะเพิ่มเป็น 3 ล้านคนต่อปี

และในปีนี้ จีนจะผลัดเปลี่ยนผู้นำใหม่ เป็นผู้นำรุ่นที่ 5 ของจีน ผู้นำคนใหม่ของจีนเป็นคนติดดิน และรู้จักประเทศไทยอย่างดี และจะส่งผลบวกกับประเทศไทย เพราะจีนเน้นความต่อเนื่องของนโยบาย

นาย กว่าน มู่ เอกอักรราชทูตจีนประจำประเทศไทย บรรยาย”บทบาทของจีนต่อโครงการเชื่อมโยงในภูมิภาคและความร่วมมือทางเศรษฐกิจในพื้นที่ภาคเหนือตอนล่างว่าอยากให้ความสัมพันธ์ทั้งสองประเทศไทย-จีนแน่นเฟ้นโดยเฉพาะภาคเหนือตอนล่างมีส่วนสำคัญในการเชื่อมต่อ

” 30 ปีผ่านมา ประเทศจีนลำบากมาก ผมต้องใช้คูปอง ซื้อข้าว หมู สบู่ แม้กระทั่งไม้ขีดไฟ กระทั่งท่านเติ้ง เสี่ยวผิง บอกว่า หากเป็นเช่นนี้ จีนลำบากแน่ จึงใช้นโยบายพัฒนาเศรษฐกิจในประเทศ”สามก้าวใหม่”
ส่วนนโยบายต่างประเทศ”สันติ ร่วมมือ พัฒนา”ส่วนนโยบายเพื่อนบ้าน”ปรองดอง มั่นคง มั่งคง “หลายปีก่อนชนชาติฝรั่งมองว่า จีน ไม่เป็นประชาธิปไตย ผมถามว่าแก่นแท้ประชาธิปไตยคือ อะไร ก็ไม่มีใครตอบได้ แต่คนจีน มองว่าเป้าหมายสูงสุด คือ ประชาชนมีสิทธิ เสรีภาพ มีความอยู่ดีกินดี ทำอย่างไร ให้หลุดพ้นจากความยากจน หากรัฐบาลจีนไม่พัฒนา ก็แก้ไขไม่ได้เลยดังนั้นจำเป็นต้องเปิดประเทศ”

“เราผลิต เพื่อแลกเงินตรา ไม่ต้องไปพึ่งพาคนอื่น เพราะคนจีน 1,300 ล้านคนต้องเลี้ยงตัวเลี้ยงตัวเอง ไม่สามารถพึ่งประเทศใดได้ เป้าหมายของจีน คือ โรงงาน 200 แห่งต้องมีชื่อเสียงระดับโลก อาหารต้องเก็บต่อเนื่อง 9 ปี ต้องหาทางออกมหาสมุทรทั้ง 2 ฝั่งทะเลฯลฯ ระบบคมนาคม ต้องพัฒนาถนน, อากาศและรถไฟ ฯลฯ ”

นายกว่าน มู่ กล่าวอีกว่า วันนี้มาเสวนา เพื่อให้ทุกคนตื่นตัว ให้ทุกคนแสดงความสามารถ ถ้ามีรถไฟทุกอย่างจะเปลี่ยน ขณะนี้จีนเปิดรถไฟความเร็วสูงสายยาวที่สุดในโลก รถไฟจากปักกิ่งไปกวางโจ จากเดิมใช้เวลา 72 ชั่วโมง เมื่อเปิดรถไฟความเร็วสูงร่นระยะเหลือ 8 ชั่วโมงเท่านั้น และในภาพรวมแล้ว ขณะนี้จีนมีรถไฟความเร็ววิ่งแล้ว 10,000 กิโลเมตร หากประเทศไทยมีรถไฟความเร็วสูง รถไฟวิ่งจากกรุงเทพ-เชียงใหม่จะเหลือเวลาแค่ 2 ชั่วโมงเท่านั้นฝากทิ้งท้ายอีกว่า คนไทยต้องเข้มแข็งและรักสามัคคีกว่านี้มิฉะนั้นจะไปไม่ได้

นายกว่าน มู่ เปิดเผยผู้สื่อข่าวอีกว่า รถไฟความเร็วสูง ทางการจีนประสานกับรัฐบาลไทยแล้ววางไว้ 4 สาย สร้างรางรถไฟจากจีน สาย 1ไปประเทศเวียดนามเชื่อมตะวันออกของไทยที่ จ.ระยองเชื่อม
จ.ชลบุรี-แหลมฉบังไปเศรษฐกิจพิเศษ”ทวาย” สาย 2 จากยูนานเข้าสปป.ลาวทะลุ จ.หนองผ่าน จ.ขอนแก่นเข้ากรุงเทพฯ สาย 3 เข้าพม่า ต่อไปยังบังคลาประเทศเชื่อมย่างกุ้งมาประเทศไทยเพื่อไปภาคใต้เข้าปาดังเบซา (มาเลเซีย) และสาย 4 คือสายเหนือเชียงใหม่ไปกรุงเทพ รัฐบาลจีนกำลังศึกษารถไฟความเร็วสูงในประเทศไทย ยืนยันว่าจีนอย่างไรก็ได้ ทั้งรัฐบาลจีนและไทยร่วมลงทุน หรือรัฐบาลจีนเป็นผู้ลงทุนเอง ล่าสุดจัดทำร่าง TOR เรียบร้อยแล้ว สายเหนือที่จ.เชียงใหม่ มีอุโมงประมาณ 3 แห่งๆ แต่ละแห่งมีระยะทางไม่เกิน2-3 กิโลเมตร (หากเทียบกับประเทศจีนอุโมงค์ยาวถึง 30กม.)เและอาจเชื่อมไปยัง จ.เชียงรายก็มีแผนในระยะต่อไป แต่ก่อนสิ้นปี 56นี้ สายเหนือหรือสายอีสาน จะต้องเช็นต์สัญญาแน่นอน แต่ยังไม่แน่นอนว่า
สายใดก่อน เพราะรถไฟแต่ละสายสามารถดำเนินไปทีละช่วง

น.ส.รมณี คณานุรักษ์ รองอธิบดีกรมเอเชียตะวันออก กระทรวงการต่างประเทศ กล่าวว่า โครงการ China Watch ของกรมเอเชียตะวันออก เป็นการส่งเสริมความเข้าใจเกี่ยวกับจีนในเชิงลึก มุมมองโอกาสและความท้าทายต่อพื้นที่โดยตรง ประเทศไทยกับประเทศจึงมีความสัมพันธ์นานนับพันปี มีความแนบแน่นและเชื่อมโยงในด้านประวัติศาสตร์ สังคม ประเพณีและวัฒนธรรม โดยปัจจุบันถือว่าเป็นหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจที่สำคัญของประเทศไทย ด้าน เศรษฐกิจ ปัจจุบัน จีนเป็นคู่ค้าที่สำคัญเป็นอันดับ 2ของไทย โดยมีปริมาณการค้าระหว่างกันประมาณ 60,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ในปีที่แล้ว และเป็นตลาดนักท่องเที่ยวอันดับ 1ของไทย โดยเมื่อปี 2555 นักท่องเที่ยวจีนเดินทางมายังประเทศไทย 2.8 ล้านคน นอกจากนี้ จีนกับไทยนับมีปริมาณการลงทุนระหว่างกันในระดับสูง โดยไทยเป็นนักลงทุนต่างชาติประเทศแรก ๆ ที่เข้าไปบุกเบิกตลาดจีนนับตั้งแต่จีนเปิดประเทศใหม่ ๆ และนักลงทุนจีนให้ความสนใจเข้ามาลงทุนในไทยมากขึ้นเช่นกัน

ปัจจุบันความร่วมมือเศรษฐกิจ ในระดับรัฐบาลได้กำหนดทิศทางความร่วมมือที่ชัดเจนในการพัฒนาใน 4 สาขาสำคัญ คือ การพัฒนาระบบรถไฟความเร็วสูง ระบบการจัดการน้ำอย่างครบวงจร การวิจัยและพัฒนาพลังงานสะอาด พลังงานหมุนเวียน และพลังงานทดแทน และการพัฒนาการศึกษาและทรัพยากรบุคคลในประเทศ ซึ่งเป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาชีวิตของประชาชน และส่งเสริมศักยภาพของประเทศในระยะยาว โดยได้ลงนามในบันทึกความร่วมมือกับ รองประธานาธิบดีสี จิ้งผิง เมื่อครั้งมาเยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการเมื่อเดือนธันวาคม 2554

น.ส.รมณี กล่าวว่า ไทยยังเป็นศูนย์กลางเชื่อมโยงในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และมีบทบาทสำคัญในการผลักดันการจัดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน ซึ่งจะเป็นทั้งตลาดและฐานการผลิตสำหรับจีน ไทยจึงเป็นประตูสู่อาเซียนให้แก่จีน

————————————————

แสดงความคิดเห็น