ก่อเหตุกระชากสร้อยอีกแล้วดึงจากคอพ่อค้าผลไม้

p (3) หลังจากเมื่อเวลา 11.00 น.ของวันที่ 22 ม.ค.ที่ผ่านมา ได้คนร้ายกระชากสร้อยเหยื่อที่เป็นหญิงสาวที่บริเวณถนนบรมไตรโลกนาถคนร้าย ได้สร้อยคอทองคำไปครึ่งเส้นหลบหนีเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ไปได้

p (2)

ต่อมาเวลา 13.55 น. วันเดียวกัน เจ้าหน้าที่ตำรวจรับแจ้งว่าเกิดเหตุคนร้ายขับขี่รถจักรยานยนต์ประกบและกระชากสร้อยคอทองคำนำหนัก 1 บาทอีกราย ที่บริเวณถนนธรรมบูชา ต.ในเมือง อ.เมือง จ.พิษณุโลก ใกล้เคียงบัวคลี่ฟอร์นิเจอร์ หลังรับแจ้งจึงรุดไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ พบผู้เสียหายทราบชื่อคือนายหนูสิน พาพะหม (พา-พะ-หม)อายุ 50 ปี อยู่บ้านเลขที่ 137 หมู่ที่ 4 ต.นาเจริญ อ.เดชอุดม จ.อุบลราชธานี และนายธิติศักดิ์ บุตรชาย ยืนอยู่ในที่เกิดเหตุ สองพ่อลูกมีอาชีพรับผลไม้สดมาวางขายบนแผงข้างถนนธรรมบูชา จุดเกิดเหตุ p (1)

จากการสอบถามนายหนูสิน ผู้เสียหายเล่าว่าตนและบุตรชายขับขี่รถจักรยานยนต์ออกไปซื้อกับข้าวที่บริเวณตลาดโคกมะตูมเพื่อนำมาทานข้าวกลางวันที่แผงร้านขายผลไม้สดดังกล่าว ขณะที่ขับขี่รถจักรยานยนต์ กลับมาใกล้ที่จะถึงร้าน บุตรชายได้ชะลอรถจักรยานยนต์เพื่อจอดแต่รถยังไม่ทันหยุด ได้มีคนร้ายที่ขับขี่รถจักรยานยนต์ตามมาประกบด้านหลังและลงมือกระชากสร้อยดังกล่าว

p (4)

โดยขณะที่คนร้ายลงมือก่อเหตุนั้นตนได้ใช้มือจับที่สร้อยคอทองคำเพื่อดึงไม่ให้คนร้ายได้สร้อยไปแต่สร้อยคอทองคำหนัก 1 บาท ได้ขาดติดมือคนร้ายได้ไปส่วนหนึ่ง จึงได้แจ้งให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ 191 ของ สภ.เมืองพิษณุโลก เดินทางมาตรวจสอบที่เกิดเหตุ โดยลักษณะคนร้ายนั้นสูงประมาณ 170 ซม. ลักษณะท้วม ผิวแดงดำ ลักษณะการแต่งกายอย่างมิดชิด โดยสวมใส่หมวกกันน็อกแบบเต็มใบสีดำ สวมเสื้อคลุมแขนยาวสีดำ สวมกางเกงขายาวสีดำ สวมรองเท้าผ้าใบสีครีมสายสีขาว โดยขับขี่รถจักรยานยนต์แบบผู้ชายไม่ทราบสีและทะเบียน ขับขี่หลบหนีไปทางบ้านเต็งหนาม ต.หัวรอ อ.เมืองพิษณุโลก

สำหรับการก่อเหตุกระชากสร้อยคอเหยื่อในวันนี้ได้เกิดขึ้นในเวลาไล่เลี่ยกัน และก่อเหตุที่อุกอาจในเวลากลางวันแสกๆ โดยไม่เกรงกลัวกฎหมาย และเป็นที่สะเทือนใจของผู้คนจำนวนมากเนื่องจากช่วงเวลาที่ก่อเหตุและบริเวณจุดเกิดเหตุมีบุคคลทั่วไปพลุกพล่าน
////

ชมภาพวีดีโอ

แสดงความคิดเห็น