ปัญหาเนื้อวัวราคาแพง ยังคงสร้างผลกระทบอย่างต่อเนื่อง ร้านก๋วยเตี๋ยว ที่มีเมนู ทำจากเนื้อวัว ทั้งเนื้อสด เนื้อเปื่อย หลายรายต้องมีการปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ ทั้งลดปริมาณ และเพิ่มราคาขาย ล่าสุด ผู้สื่อข่าวรายงานว่า มีหลายราย ที่ยกเลิกเมนูจากเนื้อแล้ว
ที่ร้านก๋วยเตี๋ยว เย็นตาโฟป้อมทอง ถ.เอกาทศรถ อ.เมือง จ.พิษณุโลก ได้มีการติดป้ายบอกลูกค้าว่า “ขออภัยไม่มีเนื้อ” ในป้ายยังบอกเหตุผลว่า “มันแพง” ซึ่ง นางยุพิน บุนนาค อายุ 52 ปี เจ้าของร้านเย็นตาโฟป้อมทอง ได้เปิดเผยว่า ที่ร้านของตนเอง มีเมนูเด็ด คือเย็นตาโฟ แต่ก็จะมีเมนู ก๋วยเตี๋ยวอื่น ๆ ให้ลูกค้าได้เลือกรับประทาน โดยเฉพาะเมนู เนื้อสด เนื้อเปื่อย ซึ่งที่ร้านทำจำหน่ายควบคู่กับเย็นตาโฟ มาไม่ต่ำกว่า 20 ปี แต่หลังจากปีใหม่เป็นต้นมา ราคาเนื้อวัว ได้ปรับขึ้นสูงมาก จากที่เคยซื้อกิโลกรัมละ 180 – 200 บาท หลังปีใหม่มีการปรับราคาเป็นกิโลกรัมละ 230 บาท อีกทั้งยังมีแนวโน้มว่า ราคาเนื้อ จะปรับแพงขึ้นอีก ซึ่งหากตนยังจำหน่ายต่อไป ก็จะไม่คุ้มต้นทุน จึงเลือกที่จะเลิกขายดีกว่า
ผู้สื่อข่าว ยังได้ถามต่อว่า ทำไมทางร้านจึงไม่เลือกที่จะขึ้นราคา ก๋วยเตี๋ยว ซึ่ง คุณยุพิน กล่าวว่า ก๋วยเตี๋ยว เป็นอาหารจานเดียว ราคาประหยัด ของคนทั่วไป จำหน่ายในราคา ชามละ 25 -30 บาท จึงจะเหมาะสม หากแพงกว่านี้ ก็คงจะขายลำบาก จึงได้ตัดสินใจยกเลิกเมนูเนื้อ คงเหลือขายเฉพาะเมนูทั่วไป ที่ทำจากเนื้อสัตว์ชนิดอื่น ๆ แทน
ทั้งนี้ สาเหตุที่เนื้อวัวมีราคาแพงขึ้น เนื่องจากเกษตรกร เริ่มเลี้ยงวัวน้อยลง ที่เลี้ยงอยู่ส่วนใหญ่มีตลาดส่งออกไปยังประเทศเพื่อนบ้านที่ได้ราคาสูงกว่าในประเทศ ด้านเขียงที่จำหน่ายเนื้อวัวชำแหละ เปิดเผยว่า เนื้อวัวที่มีจำหน่ายลดลงไปเป็นอย่างมาก จากที่เคยมีขายวันละ 1 พันกิโลกรัม ลดลงเหลือเพียงวันละ 200 กิโลกรัมเท่านั้น และยังได้มีการคาดการณ์ว่า ราคาเนื้อวัวที่จำหน่ายในจังหวัดพิษณุโลก จะถึงกิโลกรัมละ 300 บาท ภายในไม่กี่เดือนนี้อย่างแน่นอน