จำคุกตลอดชีวิตมือยิงสจ.บางกระทุ่มปลายปี53

มือปืนยิงสจ.บางกระทุ่ม04 เวลา 09.00 น.วันที่ 27 ธันวาคม 2555 ที่ศาลจังหวัดพิษณุโลก ศาลชั้นต้นได้นัดอ่านคำพิพากษา คดียิงนายบุญณะ  เขียวกรุง ส.อบจ.เขต 1 อ.บางกระทุ่ม จ.พิษณุโลก ที่ ม.5 บ้านสามเรือน ต.นครป่าหมาก อ.บางกระทุ่ม จ.พิษณุโลก เมื่อคืนวันที่ 20 ธันวาคม 2553 โดยอัยการได้ส่งฟ้องผู้ต้องหาด้วยกัน 3 คน คือ  นายกิตติธัช  หรือ สมยศ  ป้อมสาหร่าย มือปืนผู้ก่อเหตุ เป็นจำเลยที่ 1 นายภคพล  หรือ หรีด กำพล เป็นจำเลยที่ 2 และนายกล  บัววังโปร่ง นายกอบต.นครป่าหมาก อ.บางกระทุ่ม จ.พิษณุโลก เป็นจำเลยที่ 3 ในฐานะผู้จ้างวาน

a02
ญาติของนายบุณญะ เขียวกรุง สจ.บางกระทุ่มที่ถูกยิงเสียชีวิตมาฟังคำพิพากษาที่ศาลจังหวัดพิษณุโลก

 

ในการอ่านคำพิพากษาชั้นตน ญาติของผู้เสียชีวิต ได้มาร่วมรับฟังการอ่านคำพิพากษาครั้งนี้พร้อมกับทนายความ ขณะที่ฝ่ายญาติของจำเลยทั้ง 3 ก็มารอลุ้นผลการพิพากษาอยู่บริเวณหน้าศาลจังหวัดพิษณุโลกด้วย กระทั่งเวลาประมาณ 11.00 น. ศาลชั้นต้นได้อ่านคำพิพากษาเสร็จ

 

นายกอบต.(เสื้อเขียว)จ้างยิงสจ.บางกระทุ่ม03
นายกล บัววังโปร่ง นายกอบต.นครป่าหมาก ผู้ต้องหาจ้างวานฆ่าสจ.บุญณะ เขียวกรุง เมื่อครั้งมอบตัวกับตำรวจภ.6 เมื่อ 28 มค.54

ฝ่ายญาติของผู้เสียหาย ประกอบด้วย ภรรยาทั้ง 3 คน ของนายบุญณะ  เขียวกรุง ผู้ถูกยิงเสียชีวิต ประกอบด้วย นางสุพัททรา  เขียวกรุง น.ส.เรณู  ดวดขุนทด และ น.ส.หทัยรัตน์  หมอนทอง และนายอนุชา  พวงคุ้มชู ทนายความ ได้เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า ศาลชั้นต้น ได้สั่งจำคุกตลอดชีวิตจำเลยที่ 1 ที่ลงมือยิงนายบุญณะ  และสั่งยกฟ้องจำเลยที่ 2 และจำเลยที่ 3 แต่ให้ขังจำเลยที่ 2 และจำเลยที่ 3 ระหว่างอุทรณ์

 

น.ส.หทัยรัตน์  หมอนทอง ภรรยาคนที่ 3 ของนายบุญณะ  เขียวกรุง ที่อยู่ในเหตุการณ์นั่งในรถคันเดียวกับผู้เสียชีวิตขณะที่คนร้ายลงมือใช้อาวุธปืนยิงใส่นายบุญณะ เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า พอใจในคำตัดสินของศาลชั้นต้นที่สั่งตำคุกตลอดชีวิตจำเลยที่ 1 ส่วนจำเลยที่ 2 และ จำเลยที่ 3 ที่ศาลยกฟ้องนั้น ตนและญาติในฐานะผู้เสียหาย ขอยื่นอุทรณ์สู้คดีต่อไป และระหว่างนี้ทนายความ ได้ขอคัดค้านการประกันตัวของจำเลยทั้ง 3 คน

 

ขณะที่ญาติฝ่ายนายกล  บัววังโปร่ง นายกอบต.นครป่าหมาก และทีมทนายความ บอกกับผู้สื่อข่าวว่า จะขอยื่นประกันตัวจำเลยออกมาในระหว่างที่ศาลสั่งขังระหว่างอุทรณ์

คดียิงนายบุญณะ  เขียวกรุง ส.จ.อ.บางกระทุ่ม เกิดขึ้นเมื่อเวลาประมาณ 22.00 น.วันที่ 20 ธันวาคม 2553 นายบุญณะ  เขียวกุรง พร้อม น.ส.หทัยรัตน์  หมอนทอง ภรรยาคนที่ 3 ขับรถยนต์กระบะมุ่งหน้ากลับบ้านพัก หลังเลิกจากงานเลี้ยงที่โรงเรียนบ้านบึงลำ ม.1 ต.นครป่าหมาก มีรถจักรยานยนต์ขี่ตามประกบมาตลอดทาง กระทั่งถึงบริเวณถนนบ้านสามเรือน ม.5 ต.นครป่าหมาก คนร้ายได้ขี่จักรยานยนต์ประกบและใช้อาวุธปืนยิงใส่ลำตัวนายบุญณะ หลายนัด ก่อนหลบหนีไป น.ส.หัยรัตน์ ที่นั่งมาด้วยได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย จึงแจ้งญาติได้นำตัวนายบุญณะส่งรพ.บางกระทุ่ม และส่งมารัพษาต่อที่รพ.พุทธชินราช อ.เมืองพิษณุโลกกระทั่งเสียชีวิตในคืนนั้น

มือปืนยิงสจ.บางกระทุ่ม03
28 มค.54 ตร.คุมตัวนายกิตติธัช หรือ สมยศ ป้อมสาหร่าย ทำแผนประกอบคำรับสารภาพยิงนายบุญณะ เขียวกรุง สจ.บางกระทุ่ม

ตำรวจได้แกะรอยจากพยานแวดล้อมถึงสาเหตุความขัดแย้งด้านการเมืองท้องถิ่น กระทั่งติดตามจับกุมมือปืนผู้ลงมือยิงนายบุณญะได้ในวันที่ 28 มกราคม 2554 คือนายกิตติธัช  หรือ สมยศ  ป้อมสาหร่าย จำเลยที่ 1 พร้อมกับควบคุมตัวไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพในที่จุดที่ดูตึวที่โรงเรียนบ้านบึงลำ และขี่รถตามประกบมาลงมือยิง ขณะที่ผู้ลงมือก่อเหตุอีกคนคือ ภคพล  หรือ  หรีด กำพล จำเลยที่ 2 ชาวบ้านต.ท่าตาล ได้หลบหนีไป แต่ก็เข้ามอบตัวภายหลัง จำเลยที่ 1 ให้การสารภาพ ซัดทอดไปว่าได้รับการว่าจ้างจากนายกล  บัววังโปร่ง นายกอบต.นครป่าหมาก โดยได้รับค่าจ้าง 1.5 แสนบาท ในวันเดียวกัน 28 มกราคม 2554 นายกล บัววังโปร่ง นายกอบต.นครป่าหมาด ได้เดินทางมามอบตัวกับเจ้าหน้าที่ตำรวจสืบสวนภูธรภาค 6 ตามหมายจับของศาลจังหวัดพิษณุโลกเพื่อสู้คดี หลังจากถูกกล่าวหาว่าเป็นผู้ว่าจ้างมือปืนฆ่านายบุญนะเขียวกรุง สจ.เขตบางกระทุ่มดังกล่าว พร้อมกับนำเงินจำนวน 2 ล้านบาทมาประกันตัวสู้คดีต่อไป กระทั่งล่าสุด ศาลชั้นต้นได้อ่านคำพิพากษาในวันที่ 27 ธันวาคม 2555

 

แสดงความคิดเห็น