อุบัติเหตุกระบะหลับในชนต้นไม้ดับ 2 ราย

เสียหลักชนต้นไม่ดับ 2 ราย
เสียหลักชนต้นไม่ดับ 2 ราย

เมื่อเวลา 11.00 น.ของวันนี้( 15 ธ.ค.) พ.ต.ต.สันตะศิริ เมตตาวงศ์ พนักงานสอบสวน สภ.เมืองพิษณุโลก รับแจ้งว่ามีอุบัติเหตุรถยนต์กระบะพุ่งชนต้นไม้ข้างทางมีผู้เสียชีวิต และได้รับบาดเจ็บติดภายในรถ ที่บริเวณถนนเลี่ยงเมือง หลังมหาวิทยาลัยราชภัฏพิบูลสงคราม ต.ท่าทอง อ.เมือง จ.พิษณุโลก หลังจากรับแจ้งจึงรุดไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่กู้ภัยมูลนิธิประสาทบุญสถาน ในที่เกิดเหตุพบรถยนต์กระบะ ยี่ห้อโตโยต้า สีน้ำเงิน หมายเลขทะเบียน บร 1433 พิษณุโลก ชนต้นไม้ข้างทาง มีผู้เสียชีวิต 2 ราย คือ นายบุญลือ พูลเกิด อายุ 37 ปี อยู่บ้านเลขที่ 99 หมู่ 3 ต.มะตูม อ.พรหมพิราม และ น.ส.มีทรัพย์ ก้อนเนตร อายุ 39 ปี อยู่บ้านเลขที่ 39 ปี อยู่บ้านเลขที่ 65/2 หมู่ 1 ต.วังอิทก อ.บางระกำ จ.พิษณุโลก สองสามีภรรยา สภาพศพอัดติดกับภายใน จนเจ้าหน้าที่ต้องนำเครื่องตัดถ่างมาตัดตัวโครงรถยนต์ เพื่อนำศพทั้ง 2 คนออกมาได้ นอกจากนี้ยังพบ ด.ญ.จิราพร ไม่ทราบนามสกุล อายุ 4 ปี บุตรสาวผู้เสียชีวิต ได้รับบาดเจ็บ ทางเจ้าหน้าที่ต้องรีบนำส่งโรงพยาบาลทันที ใกล้กันยังรถยนต์เก๋ง ยี่ห้อวอลโว่ สีบอร์นทอง หมายเลขทะเบียน ฆผ 7274 กทม.ตกอยู่กลางทุ่งนา สภาพล้อหน้าหลุดเสียหาย

 

เสียหลักชนต้นไม้เสียชีวิต 2 ราย
เสียหลักชนต้นไม้เสียชีวิต 2 ราย
เสียหลักชนต้นไม้เสียชีวิต 2 ราย
เสียหลักชนต้นไม้เสียชีวิต 2 ราย

จากการสอบ ร.อ.สุกัณฑ์ มหาศรานนท์ ทหารสังกัดหน่วยพัฒนาเคลื่อนที่ ที่ 31 จ.น่าน ซึ่งเป็นเจ้าของรถยนต์เก๋งวอลโว่ กล่าวว่า ในช่วงเวลาเกิดเหตุ ตนเองและภรรยา กำลังขับรถยนต์กลับบ้านที่ จ.น่าน โดย ได้ขับรถตามหลังรถยนต์กระบะ ของนายบุญลือ และครอบครัว จนมาถึงที่เกิดเหตุรถยนต์กระบะ ของนายบุญลือ ได้เกิดเสียหลักพุ่งชนต้นไม้ข้างทางอย่างเต็มที่ ระหว่างนั้นตนเองได้หักรถหลบ เพื่อป้องกันชนท้ายรถกระบะของนายบุญลือ ทำให้รถยนต์เก๋งของตนเองเสียหลักลงข้างทางด้วยเช่นกัน แต่โชคดีตนและภรรยาไม่เป็นอะไร หลังจากนั้นจนมาดูรถยนต์กระบะของนายบุญลือปรากฏว่ามีผู้เสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บ จึงได้รีบแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจและกู้ภัยทันที

อุบัติเหตุ2

เบื้องต้นทางเจ้าหน้าตำรวจคาดว่ารถยนต์กระบะ ที่มีนายบุญลือ ขับมาด้วยความเร็วได้เกิดหลับในและเสียหลักชนต้นไม้เป็นเหตุให้นายบุญลือ และภรรยาเสียชีวิต ส่วนบุตรสาว ได้รับบาดเจ็บดังกล่าว อย่างไรก็ตามทางเจ้าหน้าที่จะได้สอบสวนหาข้อเท็จจริงอีกครั้ง

////

แสดงความคิดเห็น