พระราชทานปริญญาบัตรผู้สำเร็จการศึกษาม.นเรศวร

เมื่อวันที่ 4 ธันวามคม 2555 เวลา 08.14 น. สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินแทนพระองค์โดยเครื่องบินพระที่นั่งมายังท่าอากาศยานทหารกองบิน 46 จังหวัดพิษณุโลก โดยมี นายปรีชา เรืองจันทร์ ผู้ว่าราชการจังหวัดพิษณุโลก ข้าราชการ ทหาร ตำรวจเฝ้าฯรับเสด็จ จากนั้นประทับรถยนต์พระที่นั่งไปยังมหาวิทยาลัยนเรศวร เพื่อพระราชทานปริญญาบัตรแก่ผู้สำเร็จการศึกษาของมหาวิทยาลัยนเรศวร ประจำปีการศึกษา 2554 จำนวน 7,616 คนณ อาคารอเนกประสงค์ มหาวิทยาลัยนเรศวร อำเภอเมืองพิษณุโลก จังหวัดพิษณุโลก โดยมีนายกสภามหาวิทยาลัย อธิการบดี กรรมการสภามหาวิทยาลัยและคณบดี เฝ้าฯรับเสด็จ

ในโอกาสนี้ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี พระราชทานพระราโชวาทความว่า บัณฑิตคงจะเคยได้ยินข้อปรารภที่ว่า ยิ่งโลกมีความเจริญก้าวหน้าทางวัตถุมากขึ้นเพียงใด คนเรากลับมีความสุขน้อยลง และสังคมก็ดูจะมีแต่ความเดือดร้อนวุ่นวายมากขึ้น ที่เป็นดังนี้ก็เพราะการพัฒนาส่วนใหญ่มุ่งเน้นไปทางด้านวัตถุ เพื่อตอบสนองความต้องการและความสะดวกสบายของบุคคล มากกว่าการพัฒนาทางด้านจิตใจ แท้จริงแล้ว ความเจริญทางด้านวัตถุและความเจริญทางด้านจิตใจนี้ ล้วนมีความสำคัญอยู่ด้วยกันและจำเป็นต้องพัฒนาควบคู่กันไปเสมอ จึงจะเกิดผลเป็นความเจริญที่แท้จริงได้ ความเจริญทางด้านวัตถุจะส่งผลให้บ้านเมืองมีความมั่งคั่งสมบูรณ์และมีความเจริญก้าวหน้า ส่วนความเจริญทางด้านจิตใจ จะส่งผลให้บุคคลมีความคิดจิตใจที่ประณีตละเอียดอ่อน รู้จักคิดพิจารณาปัญหาต่าง ๆ ด้วยเหตุด้วยผล ทั้งสามารถจำแนกความดีความชั่ว จำแนกสิ่งที่เป็นประโยชน์และมิใช่ประโยชน์ได้โดยถูกต้อง บัณฑิตเมื่อจะออกไปปฏิบัติกิจการงานจึงต้องตระหนักในข้อนี้ให้มาก แล้วร่วมมือกันสร้างสรรค์ความเจริญ ทั้งความเจริญทางด้านวัตถุและความเจริญทางด้านจิตใจ ให้งอกงามขึ้นทัดเทียมเสมอกัน เพื่อบ้านเมืองของเราจะได้มีความผาสุกร่มเย็น และสามารถพัฒนาให้ก้าวหน้าไปได้อย่างมั่นคงและยั่งยืนสืบไป

 

แสดงความคิดเห็น