หลังจากได้นำเสนอข่าวของนางสาวพัชราพร ป้อมคูหลวง อายุ 30 ปี อาศัยอยู่บ้านเลขที่ 295 ม.5 ต.บ้านพร้าว อ.นครไทย จ.พิษณุโลก ที่ถูกนายพรชัย คงทน อดีตสามีที่ตามมาง้อขอคืนดี ทำร้ายร่างกาย โดยใช้ผ้าห่มคลุมร่างนางสาวพัชราพร แล้วราดน้ำมัน ลงมือจุดไฟเผาทั้งเป็น เมื่อเวลาประมาณ 22.00 น.ของคืนวันที่ 31 ธันวาคม 2554 ที่ผ่าน จนนางสาวพัชราพรได้รับบาดเจ็บสาหัสจากบาดแผลที่ถูกไฟไหม้ และได้รับการรักษาตัวที่โรงพยาบาลจุฬาฯ กรุงเทพมหานครฯ เป็นเวลา 8 เดือน เต็ม หลังจากนั้นได้เดินทางมาพักรักษาตัวที่บ้านเกิด อ.นครไทย โดยมีนางสงวน ป้องคูหลวง มารดา เป็นผู้ดูแลอย่างใกล้ชิด
ล่าสุดในวันนี้(17 พ.ย.) อาการของนางสาวพัชราพร ป้องคูหลวง มีอาการดีขึ้นมาก สามารถเดินไปมา และช่วยตัวเองทั้งกินข้าว เข้าห้องน้ำ ด้วยตนเอง แต่สภาพร่างกายตามตัว ยังมีร่องรอยบาดแผลจากไฟไหม้เต็มตัว ทั้งบริเวณใบหน้า แขน ขา ตามร่างกาย ถึงแม้ว่ารอยแผลจากไฟไหม้ส่วนใหญ่จะแห้งตกสะกิตแล้วก็ตาม แต่ด้วยสภาพอากาศแห้ง ทำให้แผลที่ถูกไฟไหม้ก็กลับมาคัน และบางแห้งก็จะมีเลือดออก ทำให้ทางแพทย์ต้องให้ นางสาวพัชราพร ป้องคอยนำวาสลีนมาทาทุกๆ 2 ชั่วโมง
ด้านการรักษานั้นในวันที่ 22 พ.ย. 2555 นี้นางสาวพัชราพร ป้องคูหลวง จะต้องเดินทางไปพบแพทย์ที่โรงพยาบาลพุทธชินราช จ.พิษณุโลก อีกครั้ง เพื่อให้แพทย์ดูอาการคืบหน้า ว่าแผลตามร่างกายมีการติดเชื้อหรือไม่ จากนั้นในวันที่ 28 พ.ย. ก็จะเดินทางไปตรวจร่างกายอย่างละเอียดอีกครั้งที่ โรงพยาบาลจุฬาฯ ซึ่งเบื้องต้น นางสาวพัชราพร บอกว่าทางแพทย์ที่โรงพยาบาลจุฬาฯ จะตรวจร่างกายและจะทดลองทำศัลยกรรมให้อีกครั้ง แต่ก็ยังไม่ทราบรายละเอียดที่แน่นอน ต้องดูอาการของตนก่อน
นางสาวพัชราพร กล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า ร่องรอยแผลตามร่างกายนั้นยังมีวันหาย แต่ทางจิตใจนั้นยังย้ำแย่ ตอนหลังจากเกิดเหตุการณ์ใหม่ๆ นั้น ต้องอยู่อย่างผวา กลัวว่าอดีตสามีที่ลงมือก่อเหตุนั้นจะตามมาฆ่าให้ตาย ซึ่งก็ไม่ทราบว่าจะทำอย่างไร ก็ได้มีแต่แม่คอยให้กำลังใจ หลังจากนั้นเมื่อครบ 8 เดือน ได้เดินทางกลับมาอยู่ที่ อ.นครไทย จ.พิษณุโลก นั้นก็เคยคิดฆ่าตัวตาย เนื่องจากอับอายที่ตนเองมีร่างกายเช่นนี้ อีกทั้งลูกทั้งสองคนก็หวาดกลัว แต่เวลาผ่านไปอาทิตย์สองอาทิตย์ ลูกๆ ก็เข้าใจและมาดูแลตนได้ หลังจากนั้นตนเองก็มีกำลังใจจากเพื่อนบ้านที่คอยมาพูดคอย และดูแลบ้าง จนสภาพจิตใจดีขึ้น
“ในเดือนนี้ซึ่งเป็นเดือนพฤศจิกายนของทุกปีเป็นเดือนรณรงค์ยุติความรุนแรงต่อเด็กและสตรี ตนก็ถือว่าเป็นสตรีที่ถูกกระทำ จากผู้ชายที่เป็นอดีตสามี ก็อยากให้ผู้ชาย ที่เป็นเพศแข็งแรง ก็ไม่กระทำกับสตรีเช่นนี้ มีอะไรก็ควรใช้เหตุผลคุยกันดีกว่า ควรคิดถึงพ่อเมีย ลูกๆ ซึ่งหากพลาดพลั้งไปแล้ว อนาคตต่างคนต่างไม่ได้อะไร และก็ขอเป็นกำลังใจให้สตรีที่ถูกกระทำเช่นตนให้มีกำลังใจที่จะมีชีวิตอยู่ต่อไป เพื่อครอบครัวและสังคมที่ดี” นางสาวพัชราพร กล่าว
สำหรับผู้มีจิตศรัทธา ประสงค์ช่วยเหลือครอบครัวนางสาวพัชราพร ป้อมคูหลวง สามารถโทรศัพท์ติดต่อได้หมายเลข 090-1017679 หรือ สามารถช่วยเหลือผ่านบัญชีของ นางสาวพัชราพร ได้ที่ ธนาคารกรุงไทย สาขานครไทย เลขที่ 6300370941
/////