นายวีระศักดิ์ อัตถไพศาล เกษตรจังหวัดพิษณุโลก เปิดเผยว่า การเผาตอซังฟางข้าวเป็นหนึ่งปัญหา ที่สร้างความเสียหายให้เกิดขึ้น นอกจากทำให้เกิดมลภาวะแล้ว การเผาตอซังทำให้สูญเสียน้ำในดินเนื่องจากการระเหย ทำให้ดินจับตัวกันแน่นและแข็ง การชอนไชของรากพืชในดินเป็นไปได้ยาก รากชอนไชไม่ได้ก็หาอาหารได้น้อยพืชก็ไม่เจริญเติบโตเท่าที่ควร นอกจากนี้การเผาทำให้จุลินทรีย์ที่เป็นประโยชน์ในดินถูกทำลาย ทำให้สูญเสียธาตุอาหารที่อยู่ในฟางข้าว จึงขอแนะนำเกษตรกรที่ต้องการทำลายต่อซังข้าว ให้ใช้วิธี ไถกลบเป็นทางออกแทนการเผา ซึ่งจะช่วยเพิ่มปริมาณอินทรีย์วัตถุให้กับดิน โดยในพื้นที่นา 1 ไร่ จะมีฟางข้าวประมาณ 700-1,500 กิโลกรัม คิดเป็นมูลค่า 700-1,500 บาท ไถกลบตอซังข้าว 1 ไร่ จะเพิ่มธาตุไนโตรเจน 9 กก. ธาตุฟอสฟอรัส 2 กก.และธาตุโปตัสเซียม 15 กก. รวม 26 กก.ต่อไร่ ถ้าปุ๋ยเคมีกิโลกรัมละ 15 บาท เกษตรกรจะประหยัดค่าซื้อปุ๋ยเคมี 390 บาท ต่อไร่
เกษตรจังหวัดพิษณุโลก เปิดเผยอีกว่า การไถกลบตอซังฟางข้าวนอกจากจะช่วยลดต้นทุนจากการซื้อปุ๋ยเคมีแล้ว ยังช่วยในการปรับคุณสมบัติทางกายภาพของดิน ทำให้ดินมีความโปร่ง ลดความแน่นของดิน ดินมีการอุ้มน้ำได้มากขึ้น เป็นการพลิกดินให้ไข่แมลง เชื้อโรคถูกทำลายด้วยแสงแดด ช่วยปรับความเป็นกรด-ด่างของดินให้อยู่ในระดับที่เป็นกลางเหมาะกับการเจริญเติบโตของพืช ช่วยลดระดับความเค็มของดินอย่างต่อเนื่องหากมีการไถกลบติดต่อกันในระยะยาว สุดท้ายก็จะช่วยเพิ่มผลผลิตให้กับพืชที่เพาะปลูก โดยจะแสดงผลในปีที่สามของฤดูกาลทานา โดยจะทาให้ผลผลิตข้าวเพิ่มขึ้นประมาณ 10เปอร์เซนต์ หากผลผลิตข้าวเฉลี่ยต่อไร่ 400 กก. ผลผลิตจะเพิ่ม 40 กก. คิดเป็นเงินประมาณ600-800 บาทต่อไร่ ดังนั้นจึงขอฝากถึงพี่น้องประชาชนด้วยว่า หากใครที่คิดจะทำลายตอซังข้าวให้ใช้วิถีไถกลบแทนการเผาซึ่งนอกจากจะทำให้ได้ประโยชน์ต่อชาวนาโดยตรงที่จะทำให้มีปุ๋ยในนาเพิ่มขึ้นแล้ว ยังถือเป็นการช่วยลดภาวะโลกร้อนได้อีกด้วย.นอกจากนี้ยังเป็นการป้องกันไม่ให้เกิดอุบัติเหตุจากควันไฟที่มาจากการเผาตอซังข้าวอีกด้วย