จากกรณีที่กลุ่มคนร้ายจำนวน3 คน อุกอาจบุกอุ้มนางสาวเพลินตา ประดับสุข อายุ 56 ปี ผู้อำนวยการกลุ่มส่งเสริมศาสนาศิลปวัฒนธรรม สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดพิษณุโลก (ข้าราชการ ซี 8 ) ไปจากบ้านพักเลขที่ บ้านเลขที่ 459/470 หมู่ที่ 7 ต.สมอแข อ.เมือง จ.พิษณุโลก และบังคับพาขึ้นรถยนต์ยี่ห้อโตโยต้า รุ่นไทเกอร์ ยกสูง หมายเลขทะเบียน กธ- 1945 พิษณุโลกซึ่งเป็นของผู้เสียหายแล้วขับรถหลบหนีไม่ทราบทิศทาง เหตุเกิดเมื่อช่วงเที่ยงของวันที่ 3พ.ย.ที่ผ่านมา
สำหรับความคืบหน้าคดีดังกล่าว เมื่อช่วงบ่าย ของ วันที่ 4 พ.ย. ที่บ้านของ นางสาวเพลินตา ยังเงียบเหงา มีเพียง นายชัยพร ทองประดิษฐ์ อายุ 27 ปี อยู่บ้านเลขที่ 131/9 ถนนมหาจักพรรดิ์ ต.ในเมือง อ.เมืองพิษณุโลก คนขับรถและดูแลบ้านพัก ของ นางสาวเพลินตา มาค่อยเฝ้าสังเกตการณ์
โดยนายชัยพร เปิดเผยว่า ตนเองทำงานเป็นคนขับรถของน.ส.เพลินตา และคอยดูแลบ้านพัก ซึ่งตนเองทำงานมาได้ประมาณ 2 ปี ซึ่งปกติเจ้านายของตนเองจะอยู่บ้านพักกับนางฉลวย ห้าวเจริญ อายุ 87 ปี น้าสาว ตามลำพัง เมื่อประมาณกลางปี2554 น.ส.เพลินตาได้ให้ตนเองขับรถไปรับ นางธิดา ประดับสุข น้องสาว ที่เป็นครูอยู่ที่จ.กาญจนบุรี ซึ่งป่วยเป็นอัมพฤกติ์ ไม่สามารถช่วยเหลือตนเองได้ มาดูแลที่บ้านพักจนกระทั่ง นางธิดา เสียชีวิต ต่อมา น.ส.เพลินตา เป็นคนดูแลจัดการเรื่องเงินมรดกที่มีอยู่จำนวนเกือบ2 ล้านบาท ทำให้หลังเกิดเหตุกลุ่มเพื่อนของน.ส.เพลินตา ได้ให้ตนเองมาคอยดูแลบ้านพักเพราะเกรงว่ากลุ่มคนร้ายจะย้อนกลับมาที่บ้านพัก
นายชัยพร เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวต่อว่า ช่วงที่ตนเองทำงานอยู่กับน.ส.เพลินตา ได้เคยเล่าให้ตนเองฟังอยู่บ่อยครั้งว่า นายกิตติศักดิ์ น้องเขยของ น.ส.เพลินตา เคยพูดอาฆาตเอาไว้หลายครั้งว่า น.ส.เพลินตา เป็นตนเหตุให้ทั้งสองคนต้องหย่าร้างกัน ทำให้เกิดปัญหาครอบครัว นอกจากนี้ น.ส.เพลินตายังเคยพูดกับเพื่อนสนิทว่าถ้าตนเองเป็นอะไรเป็นไป คนที่ทำคือนายกิตติศักดิ์ น้องเขยของตนเอง
ส่วนทางด้านเจ้าหน้าที่สภ.เมืองพิษณุโลก ขณะนี้ได้ขอหมายจับเลขที่ 308/2555 ลงวันที่ 4 พ.ย. 2555 เพื่อจับกุม นายกิตติศักดิ์ คงอาจหาญ อายุ 40 ปี อยู่บ้านเลขที่ 121/5 หมู่ที่ 8 ต.ดอนแสลบ อ.ห้วยกระเจ้า จ.กาญจนบุรี น้องเขยของนางสาวเพลินตา ในข้อหา ร่วมกันกรรโชกทรัพย์ เนื่องจากพยานที่เห็นเหตุการณ์ให้การให้การตรงกันว่าวันเกิดเหตุเห็นนายกิตติศักดิ์ ลงมาพูดคุยกับนางสาวเพลินตาก่อนถูกอุ้มตัวไป หลังได้หมายจับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้กระจายกำลังลงพื้นที่ทันที
พ.ต.อ.วีระสมพร อยู่ศรีสกุล รองผบก. ภ.จว.พิษณุโลก เปิดเผยว่า ขณะนี้ได้จัดชุดเฉพาะกิจไว้แล้วเพราะคดีดังกล่าวเป็นคดีที่ประชาชนให้ความสนใจ และได้รับการกำชับมาจาก ผบ.ตร.และผบช.ภ.6 ตอนนี้ได้มีการประสานไปยังโรงพักทุกในเขตพื้นที่ตำรวจภูธรภาค 6และพื้นที่รอยต่อระหว่างจังหวัด ให้ทำการตั้งด่านตรวจค้นรถที่คนร้ายขับพาน.ส.เพลินตาหลบหนีไป ให้เพิ่มความเข้มงวด และมีการประสานไปยังธนาคารให้ตรวจเช็คธุรกรรมการเงินในบัญชีของน.ส.เพลินตา ถ้าหากมีความเคลื่อนไหวให้ประสานมายังเจ้าหน้าที่ตำรวจ ซึ่งจากการตรวจเช็คแล้วเมื่อช่วงค่ำวันที่3 พ.ย.ได้มีการเบิกทอนเงินจากตู้เอทีเอ็ม 40,000 บาท ในพื้นที่ อำเภอชาติตระการ จ.พิษณุโลก จึงได้ประสานไปยังตำรวจในพื้นที่เพื่อขอตรวจสอบกล้องโทรทัศน์วงจรปิดและได้รับรายงานว่าได้มีหญิงสาวจำนวน1 คน คาดว่าจะเป็นน.ส.เพลินตา ลงมากดเงินจากตู้เอทีเอ็ม พร้อมกับชายฉกรรจ์จำนวน 2คน ลงพื้นที่ตามรีสรอท โรงแรมพื้นเพื่อกดดันกลุ่มคนร้ายตามพื้นที่ อำเภอชาติตระการและจังหวัดรอยต่อของจังหวัดพิษณุโลก