เวลา 13.00 น.วันที่ 4 พฤศจิกายน 2555 ที่ร้านทองย่านสถานีรถไฟ ถ.เอกาทศรถ อ.เมือง จ.พิษณุโลก พ.ต.ต.สุรการ มุตสาเคน
สว.สส.สภ.บางระกำ พร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจสืบสวนสภ.บางระกำ ควบคุมตัวนายบุญลือ แสงสว่าง อายุ 28 ปี ชาวบ้านบ้านคลองบ้านไร่ ต.บางระกำ อ.บางระกำ จ.พิษณุโลก มาทำแผนระกอบคำรับสารภาพ คดีก่อเหตุขโมยเงินสดและสร้อยคำทองคำ มูลค่าร่วม 500,000 บาท ในตู้เซฟของนายจ้าง ที่บ้านเลขที่ 1/1 ม.3 ต.ปลักแรด อ.บางระกำ เมื่อวันที่ 1 พฤศจิกายนที่ผ่านมา
โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้เชิญผู้เสียหาย คือนางทองดี อยู่หล่ำ อายุ 60 ปี มาดูสร้อยข้อมือทองคำน้ำหนัก 2 บาท ที่นายบุญลือ แสงสว่าง ผู้ต้องหา นำมาขายให้กับร้านทอง ราคา 47,000 บาท เมื่อวันที่ 3 พฤศจิกายนที่ผ่านมา โดยผู้เสียหายยืนยันว่าเป็นทรัพย์สินของตนเอง และผู้ต้องหาก็รับสารภาพว่าได้นำสร้อยคอทองทำมาขายที่ร้านทองจริง ขณะที่ทรัพย์สินที่ขโมยได้แก่เงินสดจำนวน 400,000 บาท และสร้อยคอทองทำ สร้อยเลส น้ำหนักรวม 3 บาทนั้น เจ้าหน้าที่ตำรวจสภ.บางระกำ ได้นำตัวนายบุญลือไปค้นบ้านพักที่บ้านหนองเตาอิธ ต.ท่าหมื่นราม อ.วังทอง
คดีขโมยทรัพย์สินในตู้เซฟที่พื้นที่รับผิดชอบสภ.บางระกำ จ.พิษณุโลกนั้น เกิดขึ้นในช่วงเวลา 01.00 น. ของคืนวันที่ 1 พฤศจิกายนที่ผ่านมา นายบุญลือ แสงสว่าง เป็นลูกจ้างของบุตรชายนางทองดี อยู่หล่ำ ผู้เสียหาย โดยทำหน้าที่เป็นคนขับรถตู้ นายบุญลือได้งัดเข้ามาที่บ้านเลขที่ 1/1 ม.3 ต.ปลักแรด ของนางทองดี แล้วใช้ไขควงงัดตู้เซฟของนางทองดี ได้เงินสด 400,000 บาท สร้อยข้อมือทองคำหนัก 2 บาท สร้อยคำทองคำหนัก 1 บาท และ สร้อยเลสหนัก 1 บาท นายบุญลือรับว่า ทำคนเดียว ขณะที่จนท.สภ.บางระกำ ระบุว่า ไม่เกี่ยวกับคดีขโมยตู้เสฟของเสี่ยปั้มน้ำมัน ที่ต.บึงพระ อ.เมือง จ.พิษณุโลก เมื่อวันที่ 3 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา
สำหรับคดีขโมยตู้เซฟ และขโมยเงินสดภายในตู้เซฟ 930,000 บาท เช็ค 4 ใบ มูลค่า 400,000 บาท ทภายในปั้มน้ำมันหจก.กอบชัยปิโตรเลียม เลขที่ 209 ม.6 ต.บึงพระ อ.เมือง จ.พิษณุโลก เมื่อวันที่ 3 พฤศจิกายนที่ผ่านมานั้น พ.ต.อ.วีระสมพร อยู่ศรีสกุล รองผบก.ภ.จว.พิษณุโลก เปิดเผยว่า ได้สั่งชุดสืบสวนติดตามแก๊งค์ที่เคยพ้นโทษออกมา ที่เคยเกี่ยวพันกับคดีขโมยตู้เซฟ เพื่อติดตามคนร้ายมาดำเนินคดี คดีนี้ ตนไปตรวจสถานที่เกิดเหตุด้วยตนเอง คนร้ายได้ใช้รถยนต์ขนตู้เซฟ จะใช้นิติวิทยาศาสตร์เข้ามาช่วยในการดำเนินคดีนี้ โดยหนึ่งในกลุ่มผู้ต้องสงสัยที่มีน้ำหนักมากที่สุดคือกลุ่มที่เพิ่งพ้นโทษออกมา พวกนี้เวลาเข้าไปอยู่ในเรือนจำก็จะมีเครือข่ายกันอยู่ นอกนั้นก็มีประเด็นอื่น ต้องเป็นคนที่รู้เบาะแส การเก็บเงินตรงไหน ตู้เซฟวางไว้ตรงไหนบ้าง เป็นลักษณะคล้ายพวกเดินสาย