วันนี้( 29 ต.ค.) นายทรง กลิ่นประทุม ผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการฝนหลวงภาคเหนือ กล่าวว่า ขณะนี้ทางหน่วยปฏิบัติการฝนหลวงภาคเหนือ ได้ดำเนินการปิดศูนย์ในการช่วยเหลือ และบินทำฝนหลวง ทั้ง 2 แห่ง คือ ศูนย์ปฏิบัติการฝนหลวงภาคเหนือตอนล่าง จ.พิษณุโลกและภาคเหนือตอนบน จ.เชียงใหม่ เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ตั้งแต่เมื่อวันที่ 10 ก.ย.ที่ผ่านมา เนื่องจากในช่วงดังกล่าวมีสถานการณ์น้ำเหนือหลาก ส่งผลให้หลายจังหวัดได้รับผลกระทบ ทางกระทรวงเกษตรฯ จึงได้สั่งการให้ยุติการปฏิบัติการทำฝนหลวง แต่เนื่องจากในปีนี้น้ำมาเร็วไปเร็ว ส่งผลกระทบให้เกิดภาวะภัยแล้งขึ้นอีกในหลายพื้นที่ของภาคเหนือ ทำให้เกษตรกรทั้งในภาคเหนือตอนล่าง และภาคเหนือตอนบน ได้ร้องขอให้ทางหน่วยปฏิบัติการฝนหลวงช่วยเหลือบินทำเทียม ช่วยเหลือพี่น้องเกษตรกร โดยเฉพาะจังหวัดน่าน ลำปาง เพชรบูรณ์ และ พิจิตร ซึ่งทั้ง 4 จังหวัดมีพื้นที่ที่ประสบภัยแล้งอย่างหนักและน่าเป็นห่วงมาก มีเนื้อที่เกษตรกรรมที่ต้องการน้ำกว่าล้านไร่แล้ว โดยส่วนใหญ่เป็นนาข้าว ไร่ข้าวโพด และถั่ว โดยที่จังหวัดเพชรบูรณ์ มีพื้นที่แล้ง จำนวน 4 อำเภอ จังหวัดลำปาง มีพื้นที่แล้ง 2 อำเภอ จังหวัดพิจิตร มีพื้นที่แล้วทั้งจังหวัด
หัวหน้าศูนย์ปฏิบัติการฝนหลวงภาคเหนือ กล่าวอีกว่า จากการร้องขอของพี่น้องเกษตรกร ทางหน่วยปฏิบัติการฝนหลวง ก็เห็นใจเป็นอย่างมาก แต่ก็ไม่สามารถบินทำฝนหลวงให้ได้ เนื่องจากมีข้อจำกัด คือ สภาพอากาศไม่เอื้ออำนวย ความชื้นสัมพัทธ์ไม่ถึง 60 % ส่งผลให้การโปรยสารเคมี ไม่มีผลแต่อย่างใด พื้นที่แห้งแล้งที่มีการร้องขอทั้ง 4 จังหวัดนั้นมีความชื้นสัมพัทธ์ไม่ถึง 40% ทำให้ไม่สามารถบินทำฝนหลวงได้ อย่างไรก็ตามขณะนี้ทางหน่วยปฏิบัติการฝนหลวงภาคเหนือ ได้เตรียมพร้อมในการสั่งซื้อสารเคมีในการทำฝนหลวง เพิ่มอีกเท่าตัว เพื่อรับมือภัยแล้งในปีหน้าที่คาดว่าจะแล้งหนักและมาเร็วกว่าในปีนี้อย่างแน่นอน
////