สารวัตรตำรวจ สภ.บางระกำ คุณพ่อยอดนักสู้ ไม่ย่อท้อต่อตะชาชีวิต ทำงานหาเงินรักษาบุตรชายที่ประสบอุบัติเหตุ ต้องฉีดยาบำรุงสมองเข็มละ2,500 บาท ทุกสัปดาห์ ทำให้เงินเดือนตำรวจไม่เหลือ ต้องทำอาชีพเสริม ขายปลาร้า ปลาส้ม ข้าวกล่อง และขายก๋วยเตี๋ยวราดหน้า ล่าสุดเปิดร้านวันแรกที่ ตลาดเมืองทอง หน้ามหาวิทยาลัยนเรศวร
ผู้สื่อข่าวเดินทางไปตรวจสอบ ที่ตลาดเมืองทอง หน้ามหาวิทยาลัยนเรศวร ต.ท่าโพธิ์ อ.เมือง จ.พิษณุโลก หลังจากทราบว่า พ.ต.ท.ปวริศ สอนวิชัย อายุ 56 ปี ตำแหน่งสารวัตรอำนวยการ สภ.บางระกำ จ.พิษณุโลก ใช้เวลาหลังเลิกงานเปิดร้านขายก๋วยเตี๋ยวราดหน้า เพื่อหารายได้เสริมใช้จุนเจือค่าใช้จ่ายภายในครอบครัว และเป็นค่ารักษาตัวบุตรชายที่ประสบอุบัติเหตุร้ายแรง ไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้
เมื่อเดินทางไปถึง พบว่า พ.ต.ท.ปวริศ กำลังเร่งผัดก๋วยเตี๋ยวราดหน้า ให้ลูกค้าที่มาอุดหนุนจนแน่นร้าน แม้ว่าจะเป็นวันแรกของการเปิดร้าน แต่วันนี้ก็มีลูกค้ามาอุดหนุนมาก มีรายได้จากการขายแล้ว 2,000 บาท ขณะที่ช่วงเวลาที่ว่าง พ.ต.ท.ปวริศ พร้อม นางกฤตพร ภรรยา ก็จะช่วยกันดูแลบุตรชาย ที่นั่งบนรถเข็น และบางครั้งก็นอนอยู่หลังร้าน
พ.ต.ท.ปวริศ กล่าวว่าเหตุผลที่ต้องทำงานหนักทำงานทุกอย่างที่ได้เงินนั้น เพราะว่าจำเป็นต้องหาเงินมารักษาตัวบุตรชาย นายโชติเพชรศักดิ์ สอนวิชัย อายุ 17 ปี ที่เมื่อวันที่ 18 สิงหาคม2554 ของปีที่ผ่านมา บุตรชายได้ขี่รถจักรยานยนต์เพื่อกลับบ้านพักหลังเลิกเรียน แต่ยังไม่ทันถึงบ้านรถจักรยานยนต์ได้ชนเข้ากับท้ายรถ 6 ล้อ ที่จอดอยู่ข้างถนนได้รับบาดเจ็บสาหัสแพทย์ต้องทำการผ่าตัดสมองโดยตัดกะโหลกที่แตกออกเป็นบางส่วนและตัดม้ามที่แตกออกไป บุตรชายนอนไม่รู้สึกตัวถึง 25 วัน เมื่อลืมตาฟื้นขึ้นมาก็ไม่สามารถพูดจาตอบโต้ได้ซ้ำยังจำใครไม่ได้เลย อาการเหมือนกันหมอมุก ที่ถูกรถเก๋งเฉี่ยวชนหน้าบ้าน
พ.ต.ท.ปวริศ กล่าวว่าเมื่อรายได้จากเงินเดือนของตนไม่เพียงพอกับค่าใช้จ่ายที่ต้องใช้ภายในครอบครัวและรักษาตัวบุตรชาย ตนจึงต้องดิ้นรนด้วยการหาสินค้าต่าง ๆ ทั้งใช้ในการอุปโภคและบริโภคไปเดินเร่ขายหลังเลิกจากการปฏิบัติหน้าที่ในเวลาราชการ และจะมาต่อด้วยการทำก๋วยเตี๋ยวราดหน้าขาย จนกระทั่งถึงเวลา 22.00 น. จึงจะได้กลับบ้านไปพักผ่อน
เดิมมีร้านขายที่ ใกล้ โรงพัก อ.บางระกำ แต่วันนี้เปิดร้านวันแรกที่ย่านหอพัก หน้ามหาวิทยาลัยนเรศวร ถึงแม้จะมีผู้คนมองด้วยความแปลกใจและสงสัยว่าตนเป็นนายตำรวจแต่ต้องมาเดินเร่ขายของ ผมก็ไม่ได้รู้สึกอายและน้อยใจแต่อย่างใดในเมื่อสิ่งที่ได้ทำไปมันเป็นอาชีพที่สุจริต และต้องพยายามทำทุกอย่างที่เราสามารถทำได้เพื่อครอบครัวที่ผมต้องดูแล และต้องหารายได้ให้ทันกับรายจ่ายค่อนข้างสูงที่ต้องใช้ในการรักษาบุตรชาย คือยาบำรุงสมอง เข็มละ 2,500 บาท ฉีดทุกสัปดาห์ แต่ปัจจุบันฉีดเดือน ละ 1-2ครั้ง กายภาพบำบัด 300-400 บาท ทำวันเว้นวัน ขณะที่รายได้จากการขายสินค้าขายตรงเดือนละ 4-5 พันบาท ขายอาหาร ก๋วยเตี๋ยวหักต้นทุนเหลือกำไรเฉลี่ยเดือนละ 7-8 พันบาท ยังไม่เพียงพอ แต่ก็สู้ทำงานทุกอย่างที่มีรายได้เพิ่มเข้ามา
พ.ต.ท.ปวริศ กล่าวว่า สิ่งที่อยากได้วันนี้ คือ อยากได้กำลังใจ เวลาทำงานหนักเหนื่อย บางครั้งก็ท้อบ้าง แอบร้องไห้ แต่พอเห็นหน้าลูกก็ทำให้สู้ ทำงานเหนื่อยนอนพัก เช้าก็หาย ทำงานต่อที่โรงพัก เย็นก็มาขายก๋วยเตี่ยว ส่วนสิ่งที่อยากได้ให้ลูกชายคือ อยากได้ อุปกรณ์ช่วยทำกายภาพบำบัด ลูกชายยืนไม่ได้ ถ้ามี ที่ช่วยพยุงเวลายืน ก็จะช่วยแบ่งเบาได้มาก เพราะผมหลังจากเลิกจากการขายของ และตอนเช้าก่อนไปทำงานต้องทำกายภาพบำบัดให้ลูกชายก่อน อยากได้ที่นอนลม และเตียงนอนสำหรับผู้ป่วย เพื่อป้องกันแผลกดทับ และช่วยให้ลูกนอนสบายขึ้น
ผู้ใจบุญอยากช่วยเหลือสามารถบริจาคสมทบเงินได้ที่ ธนาคารกรุงไทย สาขาบางระกำ เลขที่บัญชี 6240118451 ชื่อบัญชี พ.ต.ท.ปวริศ สอนวิชัย หรือที่โทรศัพท์หมายเลข 081-9534459
//////