เกษตรกรผู้ปลูกผัก ตำบลบึงพระ อำเภอเมือง จังหวัดพิษณุโลก ซึ่งเป็นแหล่งปลูกผักรายใหญ่ของภาคเหนือ หลายราย เปิดเผยว่า สภาพอากาศระยะนี้ ที่มีฝนตกลงมาอย่างต่อเนื่องในพื้นที่ ส่งผลกระทบกับแปลงผัก ทำให้ดินชุ่มน้ำเกินไป และผักเกิดโรค ไม่เจริญเติบโต หลายแปลงต้องทิ้งร้างไม่ทำต่อ เนื่องจากไม่คุ้มต้นทุน
โดย นางปรีดา ธูปบูชา อายุ 60 ปี เกษตรกรรายหนึ่งเปิดเผยว่า ตนเองอยู่บ้านเลขที่ 109 หมู่ 2 ต.บึงพระ อ.เมือง จ.พิษณุโลก ทำแปลงผักจำนวนกว่า 10 ไร่ ที่ปลูกทั้ง คะน้า ขึ้นฉ่าย กวางตุ้ง และผักชี ซึ่งตอนนี้กำลังได้รับผลกระทบจากฝนที่ตกลงมาอย่างต่อเนื่อง ผักทุกประเภทที่ปลูกไม่เจริญเติบโตเท่าที่ควร ทำให้ต้องเร่งใส่ปุ๋ยเพิ่มมากขึ้น เพื่อจะได้มีผักไว้ส่งขายในช่วงเทศกาลกินเจที่จะมาถึง
นางปรีดายังได้กล่าวอีกว่า ในช่วงฤดูฝน โดยเฉพาะช่วงที่มีพายุเข้า ฝนตกติดต่อกันหลายวัน แปลงผักก็จะได้รับความเสียหาย ซึ่งเป็นผลกระทบที่เกิดขึ้นเป็นประจำทุกปี แต่ในปีนี้ยอมรับว่า ราคาผักแพงขึ้นกว่าปีที่ผ่านมาหลายเท่าตัว อย่างเช่น ผักคะน้า ในช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว ราคาขายอยู่ที่ 5 กิโลกรัม 60-70 บาท แต่ในปีนี้ ผักคะน้า ราคาพุ่งสูงถึง 200 บาท ต่อ 5 กิโลกรัม สาเหตุคาดว่า เกษตรกรหลายราย ทิ้งแปลงผักให้ร้าง ไม่ปลูกผักในระยะนี้ เนื่องจากมีความเสี่ยง จากสภาพอากาศที่ไม่แน่นอน ทำให้ผลผลิตออกสู่ตลาดน้อย ไม่เพียงพอกับความต้องการ โดยเฉพาะในช่วงเทศกาลกินเจที่จะมาถึง ที่ตลาดจะมีความต้องการผักมากกว่าช่วงเวลาปกติ ก็จะส่งผลให้ราคาผักแพงขึ้นไปอีก