ผู้สื่อข่าวเดินทางไปตรวจสอบที่บ้านเลขที่ 99 หมู่ 3 ต.บางระกำ อ.บางระกำ จ.พิษณุโลก หลังทราบข่าวว่า พ.ต.ท.ปวริศ สอนวิชัย อายุ 56 ปี ตำแหน่งสารวัตรอำนวยการ สภ.บางระกำ จ.พิษณุโลก ใช้เวลาหลังเลิกงานไปเดินเร่ขายปลาร้า ปลาส้ม ให้กับเพื่อนตำรวจด้วยกันตามโรงพักต่าง ๆ หลังจากนั้นก็จะมาทำก๋วยเตี๋ยวราดหน้าขาย เพื่อหารายได้เสริมใช้จุนเจือค่าใช้จ่ายภายในครอบครัวและใช้เป็นค่ารักษาตัวบุตรชายที่ประสบอุบัติเหตุร้ายแรงไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้
เมื่อผู้สื่อข่าวไปถึงบ้านดังกล่าวพบว่า พ.ต.ท.ปวริศ พร้อม นางกฤตพร ผู้เป็นภรรยา กำลังช่วยกันดูแลบุตรชายที่นอนรักษาตัวอยู่บนเตียงภายในบ้านพัก โดย พ.ต.ท.ปวริศ กล่าวกับผู้สื่อข่าวว่าเมื่อวันที่ 18 ส.ค.2554 ของปีที่ผ่านมา ขณะที่นายโชติเพชรศักดิ์ สอนวิชัย อายุ 17 ปี ผู้เป็นบุตรชายกำลังขับขี่รถจักรยานยนต์เพื่อกลับบ้านพักหลังเลิกเรียนแต่ยังไม่ทันถึงบ้านรถจักรยานยนต์ที่บุตรชายขับขี่มาชนเข้ากับท้ายรถ 6 ล้อ ที่จอดอยู่ข้างถนนได้รับบาดเจ็บสาหัสแพทย์ต้องทำการผ่าตัดสมองโดยตัดกะโหลกที่แตกออกเป็นบางส่วนและตัดม้ามที่แตกออกไป บุตรชายนอนไม่รู้สึกตัวถึง 25 วัน เมื่อลืมตาฟื้นขึ้นมาก็ไม่สามารถพูดจาตอบโต้ได้ซ้ำยังจำใครไม่ได้เลย อาการเหมือนกันหมอมุก ที่ถูกรถเก๋งเฉี่ยวชนหน้าบ้าน
พ.ต.ท.ปวริศ กล่าวต่อว่าเมื่อรายได้จากเงินเดือนของตนไม่เพียงพอกับค่าใช้จ่ายที่ต้องใช้ภายในครอบครัวและรักษาตัวบุตรชาย ตนจึงต้องดิ้นรนด้วยการหาสินค้าต่าง ๆ ทั้งใช้ในการอุปโภคและบริโภคไปเดินเร่ขายหลังเลิกจากการปฏิบัติหน้าที่ในเวลาราชการ และจะมาต่อด้วยการทำก๋วยเตี๋ยวราดหน้าขายไปกระทั่งถึงเวลา 22.00 น. จึงจะได้กลับบ้านไปพักผ่อน ถึงแม้จะมีผู้คนมองด้วยความแปลกใจและสงสัยว่าตนเป็นนายตำรวจแต่ต้องมาเดินเร่ขายของ ผมก็ไม่ได้รู้สึกอายและน้อยใจแต่อย่างใดในเมื่อสิ่งที่ได้ทำไปมันเป็นอาชีพที่สุจริต และต้องพยายามทำทุกอย่างที่เราสามารถทำได้เพื่อครอบครัวที่ผมต้องดูแล และต้องหารายได้ให้ทันกับรายจ่ายค่อนข้างสูงที่ต้องใช้ในการรักษาบุตรชาย พ.ต.ท.ปวริศ กล่าว
“ทุกวันนี้รายได้จากเงินเดือนข้าราชการก็ไม่เพียงพอ ต้องจ่ายค่าบ้าน และอื่นๆ จนไม่มีเงินที่จะเปลี่ยนเตียงหมุน สำหรับผู้ป่วยนอนให้กับบุตรชาย อีกทั้งในการรักษาพยาบาลลูกแต่ละครั้งก็มาก ตนก็ไม่รู้จะหาเงินที่ไหนมาใช้จ่าย แต่เมื่อกลับมาเห็นหน้าครอบครัวที่มีกำลังใจในการทำงานต่อไป เพื่อหาเงินมารักษาบุตรชายของตนเอง”