วันนี้( 2 ต.ค.) นายปฐวีวัฒน์ เพ็ชรบูรณิน อายุ 42 ปี ชาวนา บ้านเขาเขียว ต.วังโพรง อ.เนินมะปราง เปิดเผยว่า ตนเองปลูกข้าวพันธุ์พิษณุโลก 2 จำนวน 20 ไร่ ในช่วงต้นข้าวแตกเกสร เป็นระยะที่อำเภอเนินมะปรางมีฝนตกชุก ส่งผลให้ต้นข้าวเป็นโรคเชื้อราใบไหม้ โดยลักษณะของต้นข้าว ใบจะแห้ง เมล็ดข้าวจะลีบไม่ได้น้ำหนัก ซึ่งนายปฐวีวัฒน์กล่าวว่า นาข้าวของตนเอง ทั้ง 20 ไร่ เป็นโรคเชื้อราใบไหม้ กินพื้นที่มากกว่า 80 เปอร์เซ็นต์ เมื่อเก็บเกี่ยว ก็ได้ข้าวน้อยลง และยังไม่พบวิธีการแก้ไข นอกจากนี้ตลอดเส้นทาง ในตำบลวังโพรง อำเภอเนินมะปราง แปลงนาข้าว พบว่ามีลักษณะ ใบแห้ง รวงข้าวลีบไม่ได้น้ำหนัก คล้ายเป็นโรคเชื้อราใบไหม้ คาดว่ามีนาข้าวในพื้นที่อำเภอเนินมะปรางที่เป็นโรคดังกล่าวไม่ต่ำกว่า 1 พันไร่
สำหรับโรคเชื้อราใบไหม้ หรือ โรคไหม้ข้าวเกิด จากเชื้อ รา ชนิดหนึ่ง (Pyricularia grisea Sacc.) โดยเชื้อสามารถเข้าทำลายข้าวใน ทุกส่วนของข้าวที่ อยู่เหนือดินได้ตั้งแต่ระยะต้นกล้า ถึง ออกรวง โดยพบว่าเชื้อจะทำลายที่ใบและรวงมากที่สุด เมื่อเชื้อเข้าทำลายที่ใบจะทำให้ใบข้าวเป็นจุดช่ำน้ำ แผลจะเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาลและเป็นรูปตา เมื่อเชื้อเข้าทำลายมากจะทำให้ใบไหม้คล้าย ถูกน้ำร้อนลวก ต่อมาใบจะแห้งตายอย่างรวดเร็ว ภายหลังจากที่เชื้อเข้าทำลายและมีอาการใบจุดช้ำน้ำจะพบข้าวแห้งตายภายใน 3 – 5 วัน ซึ่งเรียกอาการนี้ว่าโรคใบไหม้ และเมื่อเชื้อเข้าทำลายข้าวในระยะออกรวงเชื้อ จะเข้าทำลายที่คอรวงทำให้คอรวงแห้งตายเมล็ดข้าวจะลีบ เรียกว่าโรคไหม้คอ รวง โรคไหม้ข้าวนี้ พบว่ามีการระบาดทุกปี และสร้างความเสียหายให้กับผลผลิตข้าวที่เกิดจากโรคไหม้นี้เป็นจำนวนมาก
///