รพ.พุทธชินราช ทำคลอดทารกแฝดสยามเพศหญิงสำเร็จ

วันที่ 29 ก.ย.2555 ผู้สื่อข่าวรายงาน ที่ตึกสูติ-นารี รพ.พุทธชินราช จ.พิษณุโลก ได้มีคุณแม่คลอดบุตรเป็นแฝดสยาม ลำตัวติดกัน และยังมีชีวิตอยู่  หลังจากรับแจ้งจึงไปตรวจสอบที่ตึกสูติ-นารี ชั้นที่ 4 เตียงที่ 7 พบคุณแม่ที่คลอดแฝดสยามคู่นี้คือ นางโสภา โป๊ะขุนทอง อายุ 34 ปี เป็นชาวบ้านหมู่ 6 ต.ดอนทอง อ.เมือง จ.พิษณุโลก นอนพักฟื้นร่างกายหลังจากคลอดอยู่ ท่ามกลางญาติมาเยี่ยมอาการอย่างต่อเนื่อง ขณะที่แฝดสยามที่คลอดนั้น ทางโรงพยาบาลพุทธชินราช ได้ส่งไปตรวจรักษาที่โรงพยาบาลศิริราช เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา

 

นายแพทย์ชาติชาย อาจองค์ แพทย์ประจำคนไข้ตัวนางโสภา โรงพยาบาลพุทธชินราช กล่าวว่า ทารกแฝดสยามนั้นถือว่ามีสุขภาพร่างกายที่สมบูรณ์ มี น้ำหนัก 4,400 กรัม ในช่วงที่นางโสภา มาฝากครรภ์นั้น แพทย์ได้อุตร้าซาวด์ดูก็พบว่ามีเด็กแฝดอยู่แล้ว แต่ไม่ทราบว่าจะมีหน้าอกติดกัน ตรวจสอบเบื้องต้นนั้นเด็กสมบูรณ์ดี มีเพียงช่วงหน้านท้องและหน้าอกติดกัน แต่ยังไม่ทราบว่าภายในมีการใช้หัวใจคู่หันหรือไม่ แต่อวัยวะภายนอกส่วนอื่นแยกปกติ ซึ่งแพทย์ได้ได้พิจารณาแล้วควรที่จะส่งไปรักษาที่ รพ.ศิริราช เพื่อตรวจสอบอาการอย่างละเอียดอีกครั้ง หากผ่าตัดช่วยเหลือชีวิตทารกน้อยทั้งสองได้ก็ถือว่าเป็นการดี

 

จากการสอบถามนางโสภา เล่าให้ฟังว่า ตนเองได้อุ้มทองมานานถึง 9 เดือน ตามปกติ แล้วแพทย์ได้นัดคลอดบุตรในวันที่ 1 ต.ค.นี้ แต่เมื่อวันพฤหัสบดี ที่ 27 ก.ย.ที่ผ่านมา กลับเกิดเจ็บท้องหนัก จึงได้มาโรงพยาบาลพุทธชินราช พร้อมนายเวียง สามี ทันที กระทั่งเวลา 22.00 น.แพทย์ก็ได้ทำการผ่าตัด เนื่องจากท้องใหญ่มาก และเมื่อผ่าตัดออกมาปรากฏว่าทารกเป็นเด็กเพศหญิงแฝด หน้าอกจนถึงท้องติดกัน หลังจากนั้นตนเองก็ได้เป็นลม ไม่รู้สึกตัวอีกเลย จนกระทั่งเมื่อช่วงวานที่ผ่านมา( 28 ก.ย.) ได้ฟื้นขึ้นมาก็พบว่าลูกสาวฝาแฝดของตนเองนั้นได้อยู่ในห้องไอซียู แพทย์เฝ้าดูอาการอย่างใกล้ชิด กระทั่งเวลา 07.00 น.ของวันนี้ แพทย์ได้ลงความเห็นให้ส่งบุตรสาวฝาแฝดของตนเองไปรักษาดูอาการที่โรงพยาบาลศิริราช ทันที โดยมีนายเวียง สามีพาไปด้วย

 

นางโสภา กล่าวต่ออีกว่า ตนเองไม่เคยมีเชื้อพันธุ์กรรมมีบุตรเป็นฝาแฝด รู้แต่เพียงว่าฝ่ายสามีมีญาติเป็นฝาแฝดเท่านั้น อีกทั้งตนเองมีบุตรมาแล้ว 2 คน คือ ด.ญ.สุนิษา โป๊ะขุนทอง คนโตอายุ 13 ปี และ ด.ช.สรยุทธ โป๊ะขุนทอง อายุ 8 ปี และไม่คิดว่าท้องนี้จะเป็นลูกแฝดแต่อย่างใด และเห็นว่านายเวียง สามี ได้ตั้งชื่อลูกสาวแฝดสยามแล้ว คือ ด.ญ.สุจิตรา โป๊ะขุนทอง และ ด.ญ.สุมิฌา โป๊ะขุนทอง ซึ่งชื่อก็ไพเราะดี ตนเองอยากให้แพทย์ช่วยเหลือผ่าตัดลูกสาวฝาแฝดสยามของตนเองให้เป็นปกติเหมือนคนทั่วและมีชีวิตทั่งสองคน แต่ถ้าหากคนใดคนหนึ่งเป็นอะไรไป ก็ต้องขึ้นอยู่กับบุญวาสนา

 

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากนางโสภา ได้คลอดทารกน้อยแฝดสยาม นั้นแพทย์ พยาบาล ได้ต่างกล่าวขานชื่นชมกันเป็นอย่างมาก เนื่องจากไม่มีเด็กที่เกิดในโรงพยาบาลพุทธชินราช เป็นเด็กฝาแฝดสยามลำตัวติดกันและมีชีวิตอยู่

แสดงความคิดเห็น