เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 11 ก.ย. 55 ศูนย์วิทยุตำรวจ 191 จ.พิษณุโลก ได้รับแจ้งรับจากพลเมือง ว่า ได้ช่วยเหลือหญิงสาวถูกทำร้ายร่างกาย และได้รับบาดเจ็บ โดยคนร้ายหวังจะข่มขืน ที่บริเวณถนนสายแม็คโคร-ต้นหว้า ขาออกเชิงสะพานเบญจพืช ต.ท่าทอง จึงให้เจ้าหน้าที่ตำรวจสายตรวจ พร้อมหน่วยกู้ภัยข่าวภาพรุดไปชุดเหลือ ในที่เกิดเหตุเจ้าหน้าที่พบผู้บาดเจ็บ ทราบชื่อภายหลัง น.ส.ณรัชอร อัครสินธนาสิริ อายุ 23 ปี ถูกทำร้ายร่างกาย ได้รับบาดเจ็บที่ใบหน้า ดั้งจมูก และปากแตก ได้ทำการปฐมพยาบาล ก่อนนำตัวส่งโรงพยาบาลอินเตอร์เวชการ
จากกรสอบสวนนายธีระ นำพา ผู้ปรบเหตุการณ์ เปิดเผยว่า ตนมีบ้านอยู่บริเวณถนนมาลาเบี่ยง ต.ในเมือง .เมือง จ.พิษณุโลก ทำงานอยู่ที่ชลประทาน กำลังขับรถยนต์ไปที่ทำงาน ระหว่างขับรถมาถึงที่เกิดเหตุ พบรถจักรยานยนต์ล้มอยู่ 1 คัน มีชายหนุ่มรูปร่างผอม นุ่งกางสีเทาออกขาว สวมเสื้อแขนสั้นสีขาว ใส่รองเท้าแตะ กำลังทำร้ายร่างกายผู้หญิงคนหนึ่ง และพยายามฉุดกระชากดึงร่างเข้าไปในข้างทาง ซึ่งเป็นป่าละเมาะ มีต้นไม้น้อยใหญ่และหญ้าขึ้นอยู่เต็ม ด้วยความสงสัยจึงจอดรถลงไปเพื่อสอบถาม ตอนแรกคิดว่าเป็นเรื่องครอบครัวสามีภรรยา หลังจากตนลงไปผู้หญิงได้ร้องขอความช่วยเหลือ ว่าถูกชายคนดังกล่าวกำลังจะฉุดเข้าป่าไปข่มขืน คนร้ายเห็นท่าไม่ดีรีบปล่อยหญิงสาววิ่งหนีเข้าไปในป่าอย่างรวดเร็ว จึงได้โทรแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ
นายธีระ นำพา กล่าวว่า หลังจากเจ้าหน้าที่ตำรวจและหน่วยกู้ภัยมาถึง ได้ติดตามคนร้ายเข้าไปค้นหาในบริเวณป่าละเมาะ ซึ่งด้านในมีบ้านอยู่หลังหนึ่ง โดยเลี้ยงสุนัขเอาไว้หลายตัว ตนแปลกใจว่าสุนัขไม่เห่าคนร้ายตอนที่วิ่งหลบไป แต่สุนัขเห่ากลับตนเจ้าหน้าที่ตำรวจและเจ้าหน้าที่กู้ภัยที่เดินเข้าไป สอบถามเจ้าของบ้านเป็นหญิงชราบอกว่าชายดังกล่าววิ่งผ่านออกไปแล้ว แต่ไม่รู้จักหรือเคยเห็นหน้ามาก่อน
ด้านนายญาณพงษ์ เพาะผล อายุ 41 ปี อยู่บ้านเลขที่ 259 ม.10 ต.ท่าทอง อ.เมือง จ.พิษณุโลก เปิดเผยว่า ตนเป็นช่างซ่อมรถมอเตอร์ไซด์อยู่ที่บ้าน ช่วงนั้นมีพี่สาวของ น.ส.ณรัชอร นำรถมาซ่อมที่ร้านของตน ระหว่างนั้น น.ส.ณรัชอร ได้โทรพี่สาวบอกว่ารถจักรยานยนต์เสีย กำลังจูงมาถึงสะพานเบญจพืช ระยะเวลาห่างกันไม่ถึง 10 นาที พี่สาวได้โทรศัพท์กลับไปหาน้องสาวอีกครั้ง ปรากฏว่าถูกทำร่างกายได้รับบาดเจ็บ จึงได้ชวนตนมาเป็นเพื่อน กระทั่งทราบเรื่องว่าเป็นการฉุดจะพาไปข่มขืน
หลังเกิดเหตุ ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้ระดมกำลังเข้าตรวจค้นในบริเวณป่าละเมาะดังกล่าว แต่ไม่พบตัวคนร้าย สอบถามเจ้าของบ้านที่คนร้ายวิ่งหลบเข้าไปก็ไม่ได้รับความร่วมมือเท่าที่ควร อ้างว่าคนร้ายวิ่งผ่านเท่านั้น และไม่รู้ว่าเป็นใคร ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ จึงนำกำลังกลับในเวลาต่อมา