วันที่ 5 กันยายน 2555 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากสถานการณ์ฝนที่ตกลงมาในช่วงนี้เดือนสิงหาคมถึงต้นเดือนกันยายน 2555 ยังถือว่าน้อยมาก ประกอบกับน้ำเหนือในปีนี้น้อยกว่าทุกปีที่ผ่านมา ไม่เหมือนทุกปีที่ผ่านมา ส่งผลให้ชาวบ้าน อ.บางระกำ จ.พิษณุโลก ที่เคยน้ำท่วมเป็นประจำทุกปีโดยเฉพาะในช่วงเดือนสิงหาคมถึงเดือนตุลาคม แต่ปีนี้น้ำกลับน้อยมากน้ำเหนือ น้ำยังไม่ไหลล้นตลิ่งแม่น้ำยมมาท่วม สาเหตุหนึ่งคือ การบริหารจัดการน้ำของภาครัฐ ส่งผลให้ปริมาณน้ำที่เคยท่วมนั้น ในปีนี้ไม่ท่วมอีก จากสถานการณ์ดังกล่าว ทำให้ชาวบ้านบางระกำ กำลังได้รับผลกระทบ เนื่องจากทุกปีนี้จะมีน้ำท่วม ชาวบ้านก็จะออกหาปลา และรอจนกว่าน้ำลดก็จะลงมือทำนาในช่วงเดือนพฤศจิกายน
นายวิรัช พุทธโกษา อายุ 40 ปี ชาวบ้านหมู่ 2 บ้านชุมแสงสงคราม ต.ชุมแสงสงคราม อ.บางระกำ จ.พิษณุโลก กล่าวว่า ในปีนี้ชาวบ้านบางระกำ กำลังรอลุ้นอยู่ว่าน้ำจะท่วมเหมือนทุกปีหรือไม่ ปกติเดือนสิงหาคมที่ผ่านมาน้ำจะท่วมพื้นที่ทางเกษตรและบ้านเรือนสูงกว่า 2-3 เมตร ชาวบ้านก็จะออกหาปลากันแล้ว และตนเองก็เตรียมเครื่องมือจับปลาไว้แล้ว ทั้งเรือ และลอบแดง ซึ่งหากน้ำท่วมเมื่อไรก็จะสามารถใช้ประโยชน์ได้ทันที แต่ดูแล้วน่าจะไม่ท่วม เนื่องจากปีนี้น้ำน้อยมาก เห็นว่ารัฐบาลได้มีการแก้ไขและมีการบริหารจัดการน้ำที่ดี หากไม่ท่วมปีนี้ชาวบ้านก็จะเริ่มลงมือทำนาในช่วงปลายเดือนกันยายนนี้ทันที แต่อย่างไรก็ตามส่วนตัวนั้นตนเองชอบน้ำไม่ท่วมมากกว่า เนื่องจากจะได้ทำนาปีหนึ่ง 2 ครั้งได้ และการทำนาก็มีกำไรดีกว่าการหาปลาขาย โดยทำนาได้กำไรครั้งหนึ่งไม่ต่ำกว่าแสนบาท แต่หาปลาในช่วงน้ำท่วมได้เพียง 2-3 หมื่นบาทเท่านั้น
ด้านนายบุญช่วย ใจเอม ชาวบ้านหมู่ 1 บ้านบางบ้า ต.ชุมแสงสงคราม อ.บางระกำ จ.พิษณุโลก กล่าวว่า ตนเองได้เตรียมข้าวปลูกพันธุ์ราชบุรี 1 ไว้แล้ว เนื่องจากเป็นพันธุ์ข้าว อายุ 105 วัน น้ำหนักดี หากน้ำไม่ท่วมจริง ตนเองและครอบครัว ก็จะลงมือทำนาทันที ในช่วงเดือนพฤศจิกายนนี้ ซึ่งในช่วงนี้ก็รอลุ้นเช่นกันว่าจะมีน้ำท่วมบางระกำ เหมือนทุกปีหรือไม่ แต่อย่างไรก็ตามตนเองก็ชอบน้ำไม่ท่วมมากกว่า เพื่อจะได้ทำนาหลายครั้ง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า มีชาวนาในเขตต.ท่านางงาม ต.ชุมแสงสงคราม อ.บางระกำ หลายหมู่บ้าน ต่างมั่นใจว่าปีนี้น้ำไม่ท่วม และลงมือทำนาในรอบใหม่กันแล้ว จำนวนมาก เนื่องจากเชื่อว่าการบริหารจัดการน้ำของรัฐ และปริมาณน้ำจากแม่น้ำยมที่หลากลงมาในปีนี้น้อยกว่าทุกปีมาก แต่ก็ยังมีหลายราย ก็ยังคงปล่อยผืนนาให้รกร้างว่างเปล่า ไม่ลงมือทำนา เพราะไม่มั่นใจว่าน้ำเหนือจะไหลมาท่วมเมื่อไหร่ ขณะที่อีกส่วนหนึ่งเกรงว่าในปีหน้า ชาวบ้านจะประสบภัยแล้งมากขึ้น เนื่องจากน้ำในเขื่อนมีน้อย อาจกักเก็บไม่พอในการช่วยเหลือเกษตรกรในช่วงฤดูแล้งนี้