วันนี้( 20 ส.ค.) นายสมจิต สัจสัญญาวุฒิ ผู้บัญชาการเรือนจำจังหวัดพิษณุโลก ได้กล่าวถึงโครงการเรือนจำสีขาว เพื่อป้องกันและปราบปรามยาเสพติดในเรือนจำ ว่า เนื่องจากสถานการณ์ยาเสพติดที่ระบาดเข้าเรือนจำมีมานาน และยังไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้ และผู้ต้องขังส่วนใหญ่ที่อยู่ในเรือนจำจังหวัดพิษณุโลก ร้อยละ 60 เป็นผู้ที่ต้องโทษเกี่ยวกับคดียาเสพติด ส่งผลให้มีความพยายามนำยาเสพติดเข้าเรือนจำ ด้วยวิธีการต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการซุกซ่อนมากับอาหารของญาติที่มาเยี่ยม การขว้างยาเสพติดเข้าเรือนจำ การนำยาเข้าสู่ร่างกายหลังจากกลับการพิจารณาของศาล ซึ่งกระบวนการเหล่านี้ทางเรือนจำจังหวัดพิษณุโลก จึงได้มีมาตรการเข้มมาโดยตลอด ล่าสุดจึงได้มีการสั่งห้ามญาตินำอาหารมาเยี่ยมผู้ต้องขังแล้ว ตั้งแต่เมื่อวันที่ 16 กรกฎาคมที่ผ่านมา โดยทางเรือนจำก็ได้ยอมเสียเงินในการซื้อสินค้ามาประกอบอาหารแทน วันละ 80,000-100,000 บาทแทน
อีกทั้งได้มีการตรวจค้นเรือนจำเป็นประจำทุกสัปดาห์ เพื่อหาโทรศัพท์มือถือ และยาเสพติด ส่งผลให้สถานการณ์ยาเสพติดเบาบางลง แต่อย่างไรก็ตามก็ยังมีผู้ต้องขังบางกลุ่ม ยังพยายามนำยาเสพติดเข้าเรือนจำอยู่ ด้วยวิธีนำเข้าสู่ร่างกาย เพื่อตบตาเจ้าหน้าที่ ทำให้ทางเจ้าหน้าที่ต้องร่วมมือกับโรงพยาบาลในการสแกนตรวจร่างกาย เนื่องจากเรือนจำจังหวัดพิษณุโลก ยังขาดแคลนเครื่องสแกนหายาเสพติดอยู่ในขณะนี้ เพราะว่าไม่มีงบประมาณในการจัดซื้อ
นอกจากนี้โครงการเรือนจำสีขาว ยังได้มีกำหนดกรอบของมาตรการขึ้น 4 มาตรการ คือคัดกรองผู้ต้องขังที่มีส่วนเกี่ยวข้องแยกออกเป็นห้องนอนสีขาว จากนั้นก็แยกเป็นเรือนนอนสีขาว,แดนสีขาว และเรือนจำสีขาว
โดยขณะนี้เรือนจำจังหวัดพิษณุโลก อยู่ในขั้นตอนของเรือนนอนสีขาว แยกผู้ต้องขังที่ประพฤติดีไม่เกี่ยวข้องกับยาเสพติดนอนด้วยกัน เมื่อได้ระยะเวลาหนึ่งก็จะมีการแยกแดน ให้เป็นแดนสีขาว หลังจากนั้นเมื่อสถานการณ์ของยาเสพติดดีขึ้นก็จะประกาศให้เป็นเรือนจำสีขาวได้ในที่สุด โดยทางเรือนจำจังหวัดพิษณุโลก ได้กำหนดเสร็จสิ้นภายในปี 2556 นี้ และเป็นเรือนจำสีขาวปลอดยาเสพติด
/////