ศาลตัดสินให้วัดสุนทรประดิษฐ์คืนพระพุทธรูปวัดท่าโก

หลวงพ่ออินทร์ ที่ชาวท่าโกฟ้องขอคืน ปัจจุบัน ประดิษฐานอยู่วัดสุนทรประดิษฐ์ อ.บางระกำ จ.พิษณุโลก

เวลา 13.30 น.วันที่ 31 กรกฏาคม 2555 ที่ศาลจังหวัดพิษณุโลก ห้องพิจารณาคดีที่ 2 ศาลได้นัดอ่านคำพิพากษาชั้นต้น กรณีวัดท่าโก ม.3  ต.บางระกำ อ.บางระกำ จ.พิษณุโลก เป็นโจทก์ฟ้องวัดสุนทรประดิษฐ์ อ.บางระกำ จ.พิษณุโลก ให้ส่งคืนหลวงพ่ออินทร์ พระพุทธรูปโบราณ พร้อมพระพุทธรูปโบราณ และวัตถุโบราณ อีกหลายชิ้น ที่หลวงพ่อผัน อดีตเจ้าอาวาสวัดท่าโก ได้มาฝากเก็บไว้กับวัดสุนทรประดิษฐ์เมื่อ 60 ปีก่อน  หลังมีการเจรจาทวงคืนและมีการไกล่เกลี่ยแล้วหลายครั้ง แต่ไม่เป็นผล สุดท้ายปี 2554 ที่ผ่านมา วัดท่าโก จึงดำเนินเรื่องส่งฟ้องศาลจังหวัดพิษณุโลกให้ตัดสินคดีความ

วีระ ป้อมกะสัน ผญบ.บ้านท่าโก มาฟังคำพิพากษาที่ศาลจังหวัดพิษณุโลก

 

นายวีระ  ป้อมกะสัน ผู้ใหญ่บ้านม. 3 บ้านท่าโก ต.บางระกำ อ.บางระกำ จ.พิษณุโลก ตัวแทนฝ่ายโจทก์ที่มาฟังคำพิพากษาในวันนี้ เปิดเผยว่า ได้มาฟังคำตัดสินของศาลชั้นต้น กรณีพิพาทที่วัดท่าโก ได้ฟ้องต่อศาลจังหวัดพิษณุโลก ให้วัดสุนทรประดิษฐ์คืนพระพุทธรูปเก่าแก่สมัยสุโขทัย ที่เคยเป็นพระพุทธรูปที่ชาวบ้านท่าโกให้ความศรัทธาคืนมาประดิษฐาน ณ วัดท่าโกดังเดิม  และวันนี้ ศาลชั้นต้นได้อ่านคำพิพากษา ใจความสรุปคือ ให้วัดสุนทรประดิษฐ์ส่งคืนหลวงพ่ออินทร์ และโบราณวัตถุที่วัดท่าโกเคยฝากไว้คืนให้กับวัดท่าโก โดยวันนี้ ไม่มีฝ่ายจำเลย คือวัดสุนทรประดิษฐ์มาร่วมฟังคำพิพากษาด้วย และท่านผู้พิพากษาได้แจ้งว่า คดีนี้ฝ่ายจำเลยยังมีสิทธิ์อุทธรณ์ได้ภายใน 30 วัน

 

เมื่อครั้งชาวบ้านท่าโกมาทวงคืนหลวงพ่ออินทร์ ที่วัดสุนทรประดิษฐ์เมื่อมิถุนายน 2553

นายวีระ เปิดเผยว่า ชาวบ้านและวัดท่าโกได้ดำเนินการเจรจาขอหลวงพ่ออินทร์ พระพุทธรูปคู่วัดในอดีตกลับคืนมาประดิษฐานที่วัดท่าโกดังเดิมตั้งแต่เดือนพฤษภาคม 2553 หลังจากวัดได้นำมาฝากไว้เมื่อปี 2501รวมทั้งหมด 13 รายการ 30 ชิ้น  เนื่องจากสมัยนั้นวัดท่าโกร้าง และเกรงว่าพระพุทธรูปและโบราณวัตถุที่มีอยู่จะถูกขโมย  และหลวงพ่ออินทร์ได้ประดิษฐานอยู่ที่วัดสุนทรประดิษฐ์เรื่อยมานับจากนั้น ต่อมา ชุมชนและวัดท่าโกได้พัฒนาวัด มีพระสงฆ์จำพรรษาอย่างต่อเนื่อง และมีวิหารสำหรับประดิษฐานหลวงพ่ออินทร์ที่ชาวบ้านนับถือ จึงรวมตัวกันมาเจรจาขอกับหลวงปู่แขก เจ้าอาวาสวัดสุนทรประดิษฐ์ และเจรจาหลายครั้งก็ไม่เป็นผล สำนักงานพระพุทธศาสนาก็เป็นตัวกลางไกล่เกลี่ย มีรองผู้ว่าราชการจังหวัดพิษณุโลกร่วมไกล่เกลี่ยด้วย แต่ก็ไม่เป็นผล สุดท้ายช่วงเดือนมิถุนายน 2554 ตนและกรรมการวัด จึงตัดสินใจฟ้องร้องต่อศาลจังหวัดพิษณุโลกให้ตัดสินกรณีพิพาทนี้  ซึ่งในการฟ้องร้องได้ประเมินมูลค่าของพระพุทธรูปโบราณที่ฝากไว้กับวัดสุนทรประดิษฐ์มูลค่า 180 ล้านบาท

 

นายวีระ เผยต่อว่า ในใจตนไม่อยากให้ถึงขั้นฟ้องร้อง เพราะเป็นชาวพุทธเหมือนกัน แต่หลวงพ่ออินทร์ เป็นพระที่ชาวบ้านท่าโกศรัทธามาก หลังจากนี้ก็ต้องรอดูท่าทีว่า วัดสุนทรประดิษฐ์จะยื่นอุทธรณ์หรือไม่อย่างไร และชาวบ้านท่าโกก็จะรอปฏิบัติตามคำสั่งของศาลจังหวัดพิษณุโลก ว่าจะสั่งให้ดำเนินการเช่นไร

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กรณีพิพาทระหว่างชาวบ้านท่าโก ที่มาดำเนินการฟ้องร้องหลวงพ่ออินทร์กลับคืนไปประดิษฐานที่วัดท่าโก เริ่มเมื่อวันที่ 24 พฤษภาคม 2553 ชาวบ้านท่าโก หมู่ ที่ 3 ต.บางระกำ อ.บางระกำ จ.พิษณุโลก นำโดยนายวีระ ป้อมกะสัน ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 3 นำลูกบ้านจำนวนกว่า 70 คน เดินทางมาที่วัดสุนทรประดิษฐ์ อ.บางระกำ เพื่อขอพบหลวงปู่แขก เจ้าอาวาสวัดสุนทรปะดิษฐ์ พร้อมนำหนังสือสัญญารายการของวัดท่าโก ฝากวัดสุนทรประดิษฐ์ จำนวน 1 ฉบับ เพื่อจะขอพระพุทธรูปปางมารวิชัย “หลวงพ่ออินทร์” พระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ของ บ้านท่าโกอ.บางระกำ พระพุทธรูปปางห้ามสมุทร องค์ยืน หรือหลวงพ่อธรรมจักร พระไตรปิฏกชนิกกล่อง และสิ่งของอีกกว่า 10 รายการ ที่เมื่อปี 2501 ที่ผ่านมาชาวบ้านบ้านท่าโก ได้นำมาฝากไว้ที่วัดสุนทรประดิษฐ์ เนื่องจากทางวัดท่าโก ไม่มีวิหาร และสถานที่เก็บพระพุทธรูปและสิ่งของดังกล่าวไว้ และหลวงพ่อผันอดีตเจ้าอาวาสวัดท่าโกได้มรณภาพไป ทำให้ชาวบ้านได้นำมาฝากไว้กับวัดสุนทรประดิษฐ์ พร้อมกับทำหนังสือสัญญาไว้ด้วย ในครั้งนั้นเบื้องต้นตัวแทนชาวบ้านท่าโกได้เข้าเจรจากับหลวงปู่แจกภายในกุฏิเจ้าอาวาส ที่ได้บทสรุปเบื้องต้นว่า หลวงปู่แขกยอมรับว่า ชาวบ้านท่าโกได้นำพระพุทธรูปโบราณมาฝากไว้กับวัดสุนทรประดิษฐ์นานร่วม 60 ปี แต่ขอเวลาทำใจบ้าง เปรียบเสมือนเอาลูกเขามาเลี้ยงไว้ 60 ปี แล้วจู่ ๆ จะมาเอาคืนไป และขอเวลาทำความเข้าใจกับชาวตลาดบางระกำให้เข้าใจด้วย โดยนัดชาวบ้านท่าโกมารับฟังอีกครั้งในช่วงก่อนวันเข้าพรรษา ชาวบ้านจึงยอมสลายกับภูมิลำเนา และต่อมามีการเจรจาและมีความพยายามไกล่เกลี่ยโดยคนกลางอีกหลายครั้ง แต่ไม่เป็นผล กระทั่งวัดท่าโกได้ดำเนินการฟ้องวัดสุนทรประดิษฐ์ และมีการพิจารณาในศาลชั้นต้นในวันนี้

 

สำหรับประวัติหลวงพ่ออินทร์ นั้น ชาวบ้านได้เล่ากันว่า เดิมทีหลวงพ่อผัน ซึ่งเป็นอดีตเจ้าอาวาสวัดกรับพวง ต.วังอิทก อ.บางระกำ ได้เป็นพระที่ชอบสะสมของเก่า ต่อมาวันหนึ่งได้หลวงพ่อผันได้นิมิต ว่ามีพระมาเข้าฝันว่ามีพระพุทธรูปยุคสุโขทัย มีเถาวัลย์ไม้รัดพันตัว อยู่ในป่าวัดเก่าแก่แห่งหนึ่งอึดอัดหายใจไม่ออกให้ไปช่วยเอาองค์พระพุทธรูปออกจากป่าทีเถิด จะได้หายอึดอัด ไปทางอ.สวรรคโลก จ.สุโขทัย พอรุ่งเช้าหลวงพ่อผัน ก็ได้ชักชวนญาติโยมบ้านกรับพวง เดินทางไปทางเรือตามลำน้ำยมตามนิมิตที่ฝัน เมื่อไปถึงวัดร้างได้เห็นพระพุทธรูป 3 องค์ ขนาดใหญ่ 1 องค์และขนาดเล็กอีก 2 องค์และได้นิมนต์พระพุทธรูปองค์เล็กที่ถูกเถาวัลย์พันไว้ใส่เรือล่องมายังวัดกรับพวง และซ่อมแซมบูรณะ ให้สมบูรณ์ และได้ตั้งชื่อว่า “หลวงพ่ออินทร์” ต่อมาหลวงพ่อผัน ได้ย้ายจากวัดกรับพวงมาจำวัดอยู่วัดท่าโก และได้นำหลวงพ่ออินทร์ มาประดิษฐานที่วัดท่าโก ด้วย กระทั่งหลวงพ่อผันมรณภาพ( ช่วงปี พ.ศ.2500 )  ก็ได้มีการนำหลวงพ่ออินทร์ และหลวงพ่อธรรมจักร และสิ่งของอีกกว่า 10 รายการมาฝากไว้ที่วัดสุนทรประดิษฐ์ เมื่อปี พ.ศ. 2501  เนื่องจากทางวัดท่าโกไม่มีสถานที่เก็บรักษา  ในการนำหลวงพ่ออินทร์ และสิ่งของอีกหลายรายการมาฝากไว้ก็ได้ทำหนังสือสัญญารายการฝากของไว้ด้วย และมีการต่อสัญญาเก่าอีกครั้งเมื่อวันที่ 21 สิงหาคม 2530 โดยมีพระครูประภาสธรรมาภรณ์ หรือหลวงพ่อแขก เจ้าอาวาสวัด เป็นผู้เซ็นสัญญารับฝากต่อ ต่อมาจนชาวบ้านวัดท่าโก ได้บูรณะวัดท่าโก จนสมบูรณ์ ก็จะอัญเชิญหลวงพ่ออินทร์กลับไปประดิษฐานที่วัดท่าโก เดินทางมาทวงขอหลวงพ่ออินทร์คืน เป็นครั้งที่ 3 แล้ว ตั้งแต่เดือนเมษายน-พฤษภาคม 2553

 

 

 

 

 

 

แสดงความคิดเห็น