ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันที่ 4 มิถุนายน 2555 คณะพระธาตุแก้วมณีโชติ จากจังหวัดชลบุรีและ กทม.ก่วา20 คนทั้งชายหญิงได้ติดต่อขอเข้าชมรอยเท้ามนุษย์บนแผ่นหินที่ อช.ภูหินร่องกล้า อ.นครไทย จ.พิษณุโลก โดยให้นาย มนัส สีเสือ จนท.ประชาสัมพันธ์ภูหินร่องกล้านำเข้าชม ทั้งนี้ นายมนัส สีเสือ หรือเสือภู ร่องกล้าได้ให้นาย มีนา แซ่หว้า เป็นพลนำทาง มีเจ้าหน้าที่อุทยานฯ เป็นคนควบคุมการเดินทางด้วย gps เพราะจุดรอยเท้าอยู่ไม่มีเส้นทางชัดเจนเป็นป่าหนาทึบระยะทาง 1,800 เมตรจากถนนลาดยาง
รอยเท้าดังกล่าวพบบนแผ่นหินในลำห้วย บริเวณต้นน้ำห้วยขมึนน้อย ที่มีจุดกำเนิดจากเทือกเขาภูลมโลในพื้นที่ภูหินร่องกล้า จุดที่พบรอยเท้าบริเวณพิกัด 47q 0717298 utm 1875930 สูงจากระดับน้ำทะเลปานกลาง 1,509 เมตร ซึ่งทางคณะพระธาตุแก้วมณีโชติผู้ที่เชื่อและมีความสนใจทางด้านนี้ได้ระบุว่ารอยเท้ามี 2 ประเภทคือรอยเท้าธรรมดาและรอยเท้าเกือกแก้ว พบทั้งหมดจำนวน 5 รอย อีกรอยที่ปรากฏเป็นรอยเท้าซ้าย เหยียบหินแล้วลื่น และตรงกลางอุ้งเท้า ได้ปรากฏเป็นจุดนูนขึ้นมา ทางคณะได้กล่าวว่ารูปนูนนั้นเรียกว่านูนใบโพธิ์ ตามทีได้เห็นมาที่นี่ที่เดียวในประเทศไทย จากนั้นทางคณะได้ทำความสะอาดบริเวณรอยเท้า ทำการโรยลูกแก้วคล้ายพลอยพร้อมกับปิดทองและสวดมนต์ขอพรแผ่เมตรตา 
สำหรับประวัติของการพบรอยเท้าคล้ายรอยเท้ามนุษย์บริเวณดังกล่าวนี้ เมื่อประมาณ 7 ปีที่ผ่านมาได้มีพระภิกษุรูปหนึ่งไม่ทราบที่มา ซึ่งมีลายแทงมาด้วย ได้มาหาข่าวรอยเท้ากับชาวเขาที่บ้านทับเบิกตามลายแทง ว่าอยู่บริเวณลำห้วยเป็นสะพานหินธรรมชาติทอดข้ามลำห้วย แต่ยังไม่สามารถที่จะเจอตัวคนที่รู้ จากนั้นพระภิกษุรูปนั้นได้ติดต่อไปที่นาย หน่อชัย (ไม่ทราบนามสกุล)บ้านห้วยน้ำไซ ต.เนินเพิ่ม อ.นครไทย อดีตรองประทานสำนักอำนาจรัฐของพรรคคอมมิวนิสต์ภูหินร่องกล้าให้นำทางเข้าไปจุดที่มีรอยเท้า นายหน่อชัย ได้กล่าวว่าสมัยพวกตนร่วมพรรคคอมมิวนิสต์อยู่เคยเดินทางมาปฏิบัติงานเทือกเขาภูลมโลและเคยแวะพักบริเวณนั้นได้พบเห็นรอยเท้าดังกล่าวนี้ ตั้งแต่ครั้งนั้นพระภิกษุรูปนั้นก็ไม่ได้กลับมาอีก
กระทั่งปี2554 หัวหน้าอุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้า(คนเก่า)คือนายไพรัช มณีงาม ได้มอบหมายให้นาย มนัส สีเสือ จนท.นันทนาการฝ่ายประชาสัมพันธ์ทำการติดต่อนายหน่อชัย อดีต พคท.นำทางเข้าสำรวจรอยเท้าดังกล่าว เพื่อนำสื่อมวลชนเข้าไปในวันถัดไป จากปีที่แล้วทางสื่อมวลชนได้เผยแพร่ข่าวรอยเท้ามนุษย์ที่ภูหินร่องกล้าจึงทำให้มีผู้รู้จักเป็นอย่างมาก จากนั้นได้มีผู้ที่มีความศัทธราสูงได้สอบถามแล้วติดต่อขอเข้าชมเป็นระยะ เพราะต้องมีเจ้าหน้าที่นำทางเพียงอย่างเดียวเท่านั้น