เมื่อวันที่ 30 พ.ค. 55 ผู้สื่อข่าวรายงานภารกิจ พล.ต.อ.ปานศิริ ประภาวัต รอง ผบ.ตร.ได้เดินทางไปมอบนโยบายให้กับตำรวจภูธรภาค 6 พร้อมเร่งรัดเกี่ยวกับคดีใหญ่ในพื้นที่รับผิดชอบของภาค 6 จาก 9 จังหวัด ซึ่งมีการประชุมนายตำรวจระดับผู้บัญชาการ รองผู้บัญชาการ ผู้บังคับการจังหวัด รองผู้บังคับการ และผู้กำกับ จำนวน 180 นาย เพื่อนำนโยบายไปปฏิบัติหน้าที่ให้เต็มความสามารถ
หลังเสร็จการประชุม พล.ต.ท.วันชัย ถนัดกิจ ผบช.ภ.6 เป็นผู้นำกล่าวคำถวายสัตย์ปฏิญาณ หน้าพระบรมฉายาลักษณ์ของพระบาลสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และต่อหน้าสิ่งศักดิ์สิทธิ์ จะจงรักภักดีต่อชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ จะรับทุกข์บำรุงสุขให้แก่ประชาชน ซื่อสัตย์สุจริต ยึดมั่นในศีลธรรม และปฏิบัติทุกวิถีทางให้เป็นตำรวจมืออาชีพ เพื่อความผาสุกของประชาชนอย่างแท้จริง
หลังจากนั้นนายตำรวจทุกคนได้ดื่มน้ำสัตย์ปฏิญาณ ซึ่งเป็นน้ำมนต์ศักดิ์สิทธิ์ ซึ่ง พล.ต.ท.เฉลิมเกียรติ ศรีวรขาน ผู้ช่วย ผบตร. นำมาจากวัดพระศรีรัตนศาสดาราม (วัดพระแก้ว) โดยผ่านการประกอบพิธีพุทธาภิเษกมาแล้ว 168 วัด ก่อนจะถ่ายรูปหมู่ร่วมกับ ผบช.ภ.6 รอง ผบช.ภ.6 ผบก.จว. รอง ผบก.จว. และ ผกก.
ในการเดินทางมาที่ตร.ภูธร.ภาค 6 พล.ต.อ.ปานศิริ ประภาวัต รอง ผบ.ตร.ได้เน้นย้ำไปไปยัง 7 นโยบายเร่งด่วนในการปราบปรามอาญากรรมสร้างความปลอดภัยในทรัพย์สินให้แก่พี่น้องประชาชน เรื่องแรก ปัญหายาเสพติด เน้นเรื่องการสกัดกั้นการลำเลียงยาเสพติด เร่งปราบปรามผู้ค้า ผู้ขาย และ นายทุน และเน้นย้ำไม่ให้ตำรวจในสังกัดเข้าไปในส่วนเกี่ยวข้องกับยาเสพติดเด็ดขาด
ปัญหาเรื่องผู้มีอิทธิพล มือปืนรับจ้างและหนีนอกระบบ แรงงานต่างด้าว สถานบริการ ปัญหาทรัพย์ยากรธรรมชาติ มีการกำชับให้เจ้าหน้าที่ตำรวจกวดขันจับกุมการลักลอบทำลายป่าทรัพยากรธรรมชาติโยเฉพาะคดีเกี่ยวกับป่าไม้และสัตว์ป่า และปัญหาตามแนวชายแดน เน้นย้ำเรื่องเส้นทางลำเลียงยาเสพติด การโจรกรรมรถยนต์และจักรยายนต์ ของหนีภาษี การบุกรุกทำลายป่าตามแนวชายแดน รวมถึงการหนีภัยสงครามจากการสู้รบตามแนวชายแดน ปัญหาแหล่งอบายมุขและการพนัน ตู้มา โต๊ะบอล หากมีเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าไปพัวพันกรพนันจะดำเนินการทางวินัยและทางอาญาโดยเด็ดขาย โดยจะมุ่งเน้นไปการพนันทายผลฟุตบอลยูโร 2012 ที่จะแข่งขันกันระหว่างวันที่ 8 มิถุนายน -1 กรกฏาคม โดยเน้นไปที่กลุ่มนักเรียน นักศึกษาและเยาวชน
หลังจากมอบนโยบายได้มาร่วมแถลงข่าวการกวาดล้างอาชญากรรมในพื้นที่ตำรวจภูธรภาค 6 ในห้วง เดือนกุมภาพันธ์-พฤษภาคม 2555 ที่ผ่านมา และเมื่อช่วงเช้าของวันนี้ได้รับคำสั่งจาก พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ดามาพงษ์ ผบ.ตร. ให้ดำเนินกวาดล้างผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับอาวุธปืน จึงได้มีการตั้งด่านตรวจค้นทั้งหมด 152 จุด สามารถจับกุมอาวุธปืนได้ 286 กระบอก กระสุน 396 นัด ยาบ้า 6,900 เม็ด ยาไอซ์ 2.8 กรัม กัญขา 33 ต้น รถยนต์จำนวน 5 คัน และรถจักรยานยนต์จำนวน 5 คัน
พล.ต.อ.ปานศิริ ประภาวัต รองผบ.ตร. ได้ให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวถึงมาตรการปราบปรามอิทธิพลระยะยาว ว่า หลังจากในพื้นที่ภาค6 ได้มีการกวาดล้างอาชญากรรมปราบปรามผู้มีอิทธิพลและมือปืนรับจ้าง เนื่องจากในพื้นที่ ตำรวจภาค 6 มีซุ้มมือปืนอยู่ในพื้นที่ จ.อุทัยธานี นครสวรรค์ เพชรบูรณ์ พิษณุโลก ส่วนการกวาดล้างผู้มีอิทธิพลและมือปืน เมื่อได้รับข้อมูลจาก ผบช.ภ.6 แล้ว จะนำกลับไปวิเคราะห์ สรุป สถานการณ์ จากนั้นก็จะดำเนินการกวาดล้างอย่างจริงจัง โดยเฉพาะเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทางผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้กำชับหากเข้าไปเกี่ยวข้องกับผู้มีอิทธิพลทั้งในระดับชาติ จังหวัด หรือ ท้องถิ่น ก็ดี หากตรวจสอบพบหรือเข้าไปเกี่ยวข้อง ก็จะเข้าไปดำเนินการทางวินัย และดำเนินคดีตามกฏหมายทันที
สำหรับคดีปล้นรถขนเงินที่ จ.สิงห์บุรี ที่มี พ.ต.อ.พิจิตร กรมประสิทธิ์ อดีต ผู้กำกับการสภ.ไทรงาม จ.กำแพงเพชร และ ส.ต.อ.นารายณ์ ทิพย์ปรีชาธร ผบ.หมู่ กก.สส.ภ.จว.นครสวรรค์ ผู้ต้องหาในคดีปล้นรถขนเงินที่จ.สิงห์บุรี ขณะนี้ได้สนธิกำลังจากตำรวจภูธรภาค 1 ภาค 6 ตำรวจกองปราบ ได้ทำการลงพื้นที่ตรวจค้นพื้นที่เป้าหมาย 152 จุด ในพื้นที่ทั้ง 9 จังหวัดเพื่อตรวจค้นหาตัว ผกก.สภ.ไทรงาม ซ้ำอย่างละเอียดในพื้นที่ และกวาดล้างอาชญากรรมในพื้นที่ ซึ่งผลปรากฏว่าสามารถยึดอาวุธปืนได้286 กระบอก ยาเสพติด โจรกรรมรถยนต์ และคดีตามหมายจับได้จำนวนมาก นอกเหนือจากการติดตามโดยเฉพาะการข่าวจากประเทศเพื่อนบ้านและในพื้นที่ โดยตรวจสอบตามเส้นทางที่หลบหนี โดยได้ข้อมูลจากผู้พบเห็นและการใช้โทรศัพท์ ซึ่งในบ่ายนี้จะได้ลงพื้นที่ สภ.ไทรงาม จ.กำแพงเพชร เพื่อตรวจเยี่ยมเป็นขวัญและกำลังใจให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ
อย่างไรก็ตาม เหตุการณ์อาชญากรรมหลาย ๆ เรื่องมีตำรวจเกี่ยวข้องนั้น ตนมองว่า เหตุที่เกิดขึ้นเกิดจากการกระทำส่วนบุคคล ของตำรวจรายนั้นเพียง 1-2 นาย สถาบัน องค์กรไม่เกี่ยวข้อง แต่เมื่อเป็นตำรวจเราก็ต้องดูแลลงโทษเป็นไปตามลำดับชั้น มีการตั้งกรรมการตรวจสอบตั้งแต่ระดับชั้นผู้บังคับบัญชาถึงผู้ใต้บังคับบัญชา ให้ปฏิบัติอยู่ในกรอบของกฎหมาย เพื่อเรียกความเชื่อมั่นให้กับประชาชนที่มีต่อตำรวจให้ได้