โดย………………….คมดงเสือ
ผมเชื่อว่าหลายคน ก็คงรู้จักกับเม็ดกระบก กันแล้ว และเชื่อว่าหากอยู่ในชุมชนเมือง การหารับกินเม็ดกระบก ก็จะยากมาก เนื่องจากเม็ดกระบก ไม่ค่อยมีพ่อค้าแม่ค้ามาขายเท่าไรนัก เพราะค่อนข้างหายาก อีกทั้งกว่าจะนำเม็ดด้านในมาขายนั้นก็ยาก ราคาค่อนข้างถูก ทำให้พ่อค้าแม่ค้าที่จะนำมาขายนั้นต้องมีความพยายามมาก นอกจากนี้จะรับจากเกษตรกรมาขายอีกครั้ง แต่ที่ในตัวเมืองพิษณุโลก นั้น จะหาซื้อได้ไม่ยาก ก็จะเป็นงานวัดใหญ่ หรืองานสมโภชพระพุทธชินราช วัดพระศรีรัตนมหาธาตุ วรมหาวิหาร ซึ่งจะจัดปีละครั้ง แรกได้ว่ามีพ่อค้าแม่ค้ามาตั้งร้านขายกันอย่างคึกคัก
และที่บ้านนา บ้านเรา นั้น เม็ดกระบก เรียกว่าค่อนข้างหากินได้ยากเช่นกัน แต่คนบ้านเราก็ชอบกินกันครับ เพราะว่ากินแล้วติดใจในรสชาติความมันส์ อร่อย และผมได้มีโอกาสไปส่งหลานที่ บ้านหลบกุง ต.บัวลาย อ.บังใหญ่ จ.นครราชสีมา (ปัจจุบัน กำลังผลักดันให้เป็นจังหวัดที่ 78ของประเทศไทย ) และได้ของฝากเป็นเม็ดกระบก มาเป็นกระสอบปุ๋ย เรียกว่าถูกใจคนในบ้านเรา เป็นอย่างมาก นั่งล้อมวงเคาะเม็ดกระบก นำมาคั่วกินกัน
จากการสืบค้นข้อมูลพบว่า กระบก มีชื่อทางวิทยาศาสตร์: Irvingia malayanaเป็น ไม้ยืนต้นขนาดกลาง ถึงขนาดใหญ่ สูง10 – 30 เมตร ผลัดใบ ลำต้นเปลาตรง เมื่อมีอายุมากโคนมักเป็นพูพอน เรือน ยอดเป็นพุ่มแน่น ทึบ กลม ผล มีขนาดใหญ่และแข็งเหมือนไม้ ภายในเมล็ดมีเนื้อสีขาว รสมัน รูปทรงกลม หรือรูปไข่ แบนเล็กน้อย คล้ายมะม่วงขนาดเล็กผลอ่อนสีเหลือง มีเนื้อหุ้มเมล็ดแข็ง ออกดอกเดือน กุมภาพันธุ์- เมษายน ประโยชน์ของเนื้อกระบกมี คาร์โบไฮเดรท, โปรตีน , ธาตุเหล็ก และแคลเซียม เนื้อใช้บำรุงไต ไขข้อ เส้นเอ็นและเบื่อพยาธิในท้อง ส่วนเนื้อไม้เป็นไม้เนื้อแข็ง ใช้ก่อสร้าง ทำปืน น้ำมันที่ได้จากเนื้อในเมล็ดใช้ทำอาหาร สบู่และเทียนไข
เห็นประโยชน์ของเม็ดกระบกแล้ว พวกเราน่าจะไปหาซื้อมารับประทานกันนะครับ เพราะมีประโยชน์ไม่น้อย และถ้าได้ลิ้มลองรสชาติ ก็อาจจะติดใจทีเดียว
////////////