เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 25 พฤษภาคม 2555 ที่ห้องประชุมจุฬามณี 3 สำนักงานเทศบาลนครพิษณุโลก นางเปรมฤดี ชามพูนท นายกเทศมนตรีนครพิษณุโลก ได้ชี้แจ้งข้อซักถามของสื่อมวลชน กรณีหนังสือ สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ได้มีมติในการประชุมครั้งที่ 58 /2555 เมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม 2555 ด้วยคะแนนเสียงข้างมาก ให้ขยายระยะเวลา ให้มีการเลือกตั้งนายกเทศมนตรีนครพิษณุโลก แทนตำแหน่งที่ว่าง (ครั้งที่ 1) ออกไปอีก 45 วัน นับตั้งแต่วันที่ กกต.มีมติ (ตั้งแต่วันที่ 23 พฤษภาคม 2555 ถึงวันที่ 6 กรกฎาคม 2555 ) ว่า วันนี้ตำแหน่งนายกเทศมนตรีนครพิษณุโลกยังไม่ได้ว่างลง ตนยังคงอยู่ในตำแหน่งนายกเทศมนตรีนครพิษณุโลก ขอชี้แจงว่า ตนไม่ได้ดื้อด้าน หรือ แข็งขืน เพราะยังไม่มีข้อความใดในคำสั่งของ ผู้ว่าราชการจังหวัดพิษณุโลกวินิจฉัยให้พ้นจากตำแหน่งเมื่อใด
นางเปรมฤดี กล่าวว่า ขั้นตอนเวลานี้ ในส่วนของผู้ว่าราชการจังหวัดพิษณุโลก นายชัยโรจน์ มีแดง ได้มีหนังสือหารือการดำเนินการตามคำพิพากษาของศาลปกครองสูงสุด ออกหนังสือเมื่อวันที่ 17 พฤษภาคม 2555 แจ้งว่าทางจังหวัดพิษณุโลก ได้หารือการดำเนินการตามคำพิพากษาของศาลปกครองสูงสุดไปยังกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่นแล้ว ได้รับแจ้งว่าปลัดกระทรวงมหาดไทยได้เห็นชอบให้นำเรื่องเสนอให้คณะกรรมการพิจารณาร่างกฏหมายของกระทรวงมหาดไทยแล้ว ซึ่ง คณะกรรมการพิจารณาร่างกฏหมายของกระทรวงมหาดไทย คณะที่ 1 ได้พิจารณาข้อหารือ ผลการพิจารณาในเรื่องของผู้เกี่ยวข้องไม่สอดคล้องกัน จึงยังมีความเห็นไม่ชัดเจนที่จะนำไปใช้ปฏิบัติให้ถูกต้องตามคำพิพากษาของศาลปกครองสูงสุดดังกล่าว และกระทรวงมหาดไทยได้หารือไปยัง สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเพื่อพิจารณาให้ความเห็นเกี่ยวกับแนวทางปฏิบัติในเรื่องดังกล่าวอีกชั้นหนึ่ง หากได้รับแจ้งผลแล้วจะแจ้งให้ทราบ แต่เวลานี้จึงยังรอในชั้น กฤษฎีกาว่าจะแจ้งมาว่าอย่างไร
“เรื่องนี้ตนไม่ได้แข็งขืนเพื่อขัดคำพิพากษาศาลปกครองสูงสุด แต่อยากให้เป็นบรรทัดฐานเป็นแบบอย่างให้ อปท. ให้ นายกเทศมนตรีทั่วประเทศ กฎหมายมองหลายมุม แนวทางปฏิบัติ ทั่วไป ผู้ว่าฯ จะต้องสั่งนายกสิ้นสุดเมื่อวันทำสัญญา 5 ปีนับจากวันทำสัญญา ไม่ใช่มีความ 20-30 ปี ที่ผ่านมาย้อนมีฟ้องดำเนินการ ซึ่งตนเป็นแค่บุคคลที่3 ที่ไม่ได้ตอบโต้หรือชี้แจ้งต่อศาลปกครองแต่แรกเนื่องจาก นายชัยวัฒน์ คลศรีชัย ผู้ร้องได้ร้องผู้ว่าราชการจังหวัดพิษณุโลก ไม่ใช่ตน”
นางเปรมฤดี กล่าวว่า นายกฯมาจากการเลือกตั้งของประชาชน กฎหมายไม่ใช่ให้ใครเอานายกฯออกจากตำแหน่งก็ได้ ตามสายปกครอง ผู้บังคับบัญชาคือผู้ว่าราชการจังหวัดพิษณุโลก ที่สุดแล้วกรณีนี้ต้องให้ผู้ว่าราชการจังหวัดพิษณุโลกเป็นผู้ชี้ขาด เพราะกรณีลักษณะนี้ไม่เคยมีมาก่อน ส่วนแนวทางของตนจะตั้งทีมกฏหมายเพื่อมาตีความในเรื่องนี้อยู่ จะใช้โอกาสตัวเองขอความเป็นธรรมบ้าง ตนสู้อยู่แล้ว ส่วนช่วงที่ยังคุมเครือนี้ ก็ยังต้องปฏิบัติหน้าที่ต่อจนกว่าจะชัดเจน แต่หาก กกต.เปิดให้มีการเลือกตั้ง ตนก็จะลงสมัครรับเลือกตั้งเพื่อใช้สิทธิ คุณสมบัติขาดหรือไม่ก็ชี้แจงมา ถ้าไม่สมัครก็เสียสิทธิ แล้วปล่อยให้กระบวนการดำเนินการต่อไป ตนต้องสมัครตนต้องสู้ต้องพิสูจน์ตัวเอง เป็นเรื่องที่ต้องต่อสู้ ใครอยู่เหนือกฎหมายไม่ได้ ตนยินดียอมรับปฏิบัติตามกฎหมาย แต่ต้องดูว่าชัดเจนตามกฏหมาย ถ้าเป็นคำสั่งทางปกครองไม่ชอบก็ยื่นศาลปกครองคัดค้านได้
เวลานี้คดีนี้เป็นประเด็นทางการเมือง ยิ่งตัดสินยาก คนตัดสินก็กลัวความผิด อีกทั้งคดีนี้เป็นคดีประวัติศาสตร์ ถ้าไม่ทำตามแนวทางเดิม จะเกิดการเปลี่ยนแปลง การต่อสู้ครั้งนี้ไม่ใช่เพื่อตัวเองแต่จะเป็นบรรทัดฐานของ การตัดสินคดี ของ อปท. ในอนาคตด้วย นางเปรมฤดีกล่าว