เมื่อวันที่ 27 เมษายน 2555 นายมานพ บุญแจ่ม ผู้เชียวชาญจากส่วนปฏิบัติการฉุกเฉิน(สารเคมี) นักวิชาการสิ่งแวดล้อมชำนาญการพิเศษ กรมควบคุมมลพิษกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม นายชาตรี ไชยวงค์ นักวิชาการสิ่งแวดล้มชำนาญการพิเศษ สำนักงานสิ่งแวดล้อมภาคที่ 3นายโนริมาซะ ชิโมมูระ อาสาสมัครญี่ปุ่น จาก JICA พร้อมคณะ ได้เดินทางมาตรวจสอบในพื้นที่หลุมไฟ ม.9 บ้านโนนตะโพน ต.หนองกะท้าว อ.นครไทย จ.พิษณุโลก โดยนำ เครื่องมือวัดความเสี่ยง ก่อนจะเข้าในพื้นที่ป้องกันสารพิษ ก่อนจะใช้เครื่อง Miran ตรวจวัดหาก๊าซพิษ ปรากฏว่าในพื้นผิวดิน ไม่พบก๊าซพิษแต่อย่างใด หลังจากนั้นทางเจ้าหน้าที่ได้ใช้เครื่องเจาะลงไปใต้บริเวณที่มีความระอุอยู่ที่ปากหลุม พร้อมกับใช้เครื่อง Miran วัด พบว่า มีค่าก๊าซพิษคาร์บอนไดซัลไฟล์สูงสุดระดับ 88 ppm หลังทางเจ้าหน้าลองใช้น้ำราดที่ดินขุดขึ้นมา พร้อมใช้เครื่องวัดระดับก๊าซพิษ ได้ค่าก๊าซพิษคาร์บอนไดซัลไฟล์สูงถึง 159-200 กว่า ppm เนื่องจากมีการเผาใต้พื้นดินลึกประมาณ 2 เมตร ส่วนซันเฟอร์ไดอ๊อกไซด์ เครื่องตรวจจับไม่ได้
นายนายมานพ บุญแจ่ม ผู้เชียวชาญจากส่วนปฏิบัติการฉุกเฉิน(สารเคมี) นักวิชาการสิ่งแวดล้อมชำนาญการพิเศษ กรมควบคุมมลพิษกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กล่าวว่า พื้นที่ดังกล่าว มีการเผาไหม้ลามเข้ามาก่อนหน้า แต่ช่วงหน้าฝนจึงไม่เกิดความร้อน แต่พอหน้าแล้งทำให้พื้นที่ดังกล่าวมีความแห้ง จึงเกิดการลุกไหม้ติดกับขี้เลื่อยที่อยู่ผิวดิน ก่อนจะลามลุกติดกับเถ้าถ่านใต้ดินร้อนระอุ จนเกิดการเผาไหม้มีก๊าซพิษดังกล่าว ส่วนก๊าซพิษเกิดจากอะไร ต้องมีการตรวจสอบอีกครั้ง
นายนายมานพ บุญแจ่ม กล่าวอีกว่า การที่จะลดปัญหาดังกล่าว ต้องเปิดช่องว่างให้ความร้อนที่ระอุอยู่ใต้ดินระบายออกมา จากนั้นใช้น้ำหล่อเลี้ยงความร้อนเอาไว้ เพื่อให้ความร้อนลดลง หากไม่มีการเผาไหม้ก๊าซพิษก็เกิดไม่ได้ จึงต้องแก้ไขไม่ให้มีการเผาไหม้ให้ได้เสียก่อน เพราะปกติเมื่อมีการเผาไหม้ก็จะมีก๊าซคาร์บอนไดอ็อกไซด์อยู่แล้ว ต้องเปิดให้อากาศใต้พื้นดินระบายออกมาให้ได้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากการสอบถามชาวบ้าน ทราบว่า ก่อนเกิดเหตุไฟลุกจากใต้ดิน เนื่องจากมีชาวนาที่มีพื้นที่ติดกัน ได้เผาซังตอข้าวลามมาติดพงหญ้าแห้งที่ขึ้นปกคลุมเนินขี้เลื่อย ทำให้เกิดการเผาไหม้ขี้เลื่อย เนื่องจากพื้นที่แห้งแล้งจนติดเป็นไฟลามลงไปติดเศษเถ้าถ่านที่อยู่ใต้ดิน ซึ่งเป็นเตาเผาถ่านเก่า จนเกิดการคลุกกรุนเกิดเผาไหม้ใต้ดินเป็นเวลามานานนับเดือน ก่อนที่จะมีคนไปพบและเหยียบบาดเจ็บดังกล่าว
ศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เขต 9 จังหวัดพิษณุโลก ได้นำรถสูบน้ำระยะไกล 3 กิโลเมตร เพื่อมาสูบน้ำขึ้นจากแม่น้ำแควน้อย ซึ่งอยู่ห่างประมาณ 500 เมตร เพื่อดึงน้ำมาใส่ที่บริเวณหลุมไฟ และได้ใช้รถแม๊กโครขุดลงไปก่อน เพื่อเปิดหน้าดินระบายความร้อน โดยต้องใช้รถน้ำฉีดพรมแบบกระจายเป็นฝอย ให้อากาศและผิวดินลดความร้อนลง และไม่ให้ฝุ่นฟุ้งกระจาย ซึ่งได้รับการช่วยเหลือจาก สจ.พิ้ง ประสานขอรถแม๊กโครที่แค้มป์คนงานมาช่วยเหลือในเบื้องต้น หลังจากจะใช้สูบน้ำระยะไกลสูบน้ำมาจากแม่น้ำแควน้อยใส่ในหลฃุมที่ใช้แม๊กโครขุดขังเอาไว้ เพื่อให้ระบายความร้อย และไฟที่ไหม้คลุกกรุนอยู่ใต้ดิน จึงจะสามารถดับไฟทั้งหมดได้
หลังจากนั้นคนขับรถแม๊กโครได้ขุดลงไปบริเวณหลุมไฟ ปรากฏว่าขณะขุดลงไปความร้อนที่ระอุอยู่ใต้ดิน ได้พวยพุ่งขึ้นฟ้าสูงกว่า 10 เมตร เป็นควันดำ มีกลิ่นเผาไหม้ และมีความร้อนมาก ทุกครั้งที่ขุดขึ้นมาจะพบว่าเป็นขี้เลื่อยและเศษก้อนถ่านที่ยังเผาไหม้ไม่หมดจำนวนมากมาย โดยได้ขุดในหลายจุดเพื่อระบายความร้อนให้หมด โดยทำเป็นหลุมขนาดใหญ่จำนวนหลายหลุม ตลอดเวลาเจ้าหน้าที่ต้องฉีดน้ำระบายความร้อนเอาไว้ เพื่อให้ฝุ่นละอองและความร้อนฟุ้งกระจายไปทั่วบริเวณ อกระทั่งสามารถดำเนินการได้เรียบร้อย โดยไม่มีปัญหาแต่อย่างใด คาดว่าน่าจะสามารถดับความร้อนใต้ดินได้ทั้งหมด หลังจากรถสูบน้ำระยะไกลเดินทางมาถึง และทำการสูบน้ำใส่หลุมได้ในค่ำคืนนี้
สำหรับการเข้ามาของ กรมควบคุมมลพิษและสำนักงานสิ่งแวดล้อมภาคที่ 3 ที่เดินทางมาวันนี้ เท่ากับว่า ได้ปิดข่าวปรากฏการณ์หลุมไฟใต้ดินในอ.นครไทย ทันทีเพียงแค่ก็นำเครื่องมือตรวจวัดตรวจสอบแก๊สพิษในบรรยากาศและใต้พื้นดินกระทั่งสุดท้ายใช้แม็คโครขุดใต้ดิน จนพบว่าเป็นเพียงแค่ บ่อเตาเผาถ่านและพบเศษผงถ่านธรรมดา เมื่อให้ฉีดน้ำจนท่วม ทุกอย่างก็จบเข้าสู่ภาวะปกติจากนั้นเจ้าหน้าที่คณะกรมควบคุมมลพิษ(กรุงเทพฯ)และสำนักงานสิ่งแวดล้อมภาค3(พิษณุโลก) ล้มเชือกกั้นและป้ายเพราะแม็คโครคันเดียว