เมื่อเวลา 12.30 น.วันที่ 22 เม.ย.พ.ต.ท.สุพจน์ ท่วงที พนักงานสอบสวน(สบ.3)สภ.วังทอง จ.พิษณุโลก รับแจ้งเหตุมีคนถูกไฟคลอกเสียชีวิตอยู่ในสวนป่าสักทอง หมู่ 2 บ้านเนินสะอาด ต.ท่าหมื่นราม อ.วังทอง จ.พิษณุโลก หลังรับแจ้งรุดไปตรวจสอบที่เกิดเหตุพร้อมด้วยแพทย์เวรโรงพยาบาลวังทอง เจ้าหน้าที่กู้ภัยบูรพา ที่เกิดเหตุห่างจากถนนใหญ่ประมาณ 200 เมตร อยู่กลาง สวนไม้สักทอง ซึ่งมีเพลิงลุกไหม้อยู่เป็นหย่อม พบร่างของผู้เสียชีวิตทราบชื่อต่อมาคือนางละเมียด จันทร์คำเรือง อายุ 55 ปี อยู่บ้านเลขที่ 19 หมู่ 14 ต.ท่าหมื่นราม อ.วังทอง สภาพศพนอนคว่ำหน้า ตั้งแต่ศีรษะถึงขาถูกเพลิงไหม้เป็นตอตะโก เหลือเพียงเท้าทั้งสองข้างที่ไม่ถูกไฟไหม้
จากการสอบสวนนายแสวง ใจจันทร์ อายุ 58 ปี อยู่บ้านเลขที่ 60 หมู่ 2 ต.ท่าหมื่นราม อ.วังทอง จ.พิษณุโลก ผู้พบศพคนแรกให้การว่า ตนเองได้รับการว่าจ้างจากนางละเมียด ให้มาช่วยตัดแต่งต้นสักในสวนดังกล่าว ซึ่งได้เข้ามาทำงานในไร่ดังกล่าววันนี้เป็นวันที่ 3 เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา ตนเองได้ขับรถไถ่นาแบบเดินตามมาที่ไร่ดังกล่าว พร้อมกับผู้ตาย โดยตนเองได้นำเลื่อยโซ่ยนต์มาตัดแต่งกิ่งสักอยู่ทางเข้าสวนสัก ส่วนนางละเมียด ได้นำกิ่งสักที่ตนเองตัดทอนมาสุมและจุดไฟเผา อยู่ใกล้เคียงที่เกิดเหตุซึ่งอยู่ห่างกันประมาณ 100 เมตร หลังจากจุดไปนางละเมียด ได้คอยระวังกันแนวไฟเพื่อไม่ให้ลุกลามไปยังสวนมะม่วงของเพื่อนบ้านที่อยู่ใกล้เคียง จนกระทั่งเวลาประมาณเที่ยงวัน ตนเกิดหิวข้าวจึงได้เดินไปตามนางละเอียด เพื่อจะชักชวนกินข้าวเที่ยง แต่เมื่อมาถึงพบว่าร่างของนางละเมียดถูกไฟลุกไหม้ทั่วทั้งตัว ด้วยความตกใจจึงได้วิ่งไปตามญาติมาช่วยกันดับไฟแต่ก็ไม่ทันการนางละเมียดเสียชีวิตไปแล้ว
ทางด้านนายเอกพล จันทร์คำเรือน อายุ 29 ปี บุตรชายผู้เสียชีวิต ได้ให้การว่าเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านหลังจากที่มารดารับประทานอาหารเช้าจากนั้นก็ได้เตรียมอุปกรณ์เข้าไปตัดแต่งถางหญ้าและตัดแต่งกิ่งต้นสักและได้ว่าจ้างนายแสวง เพื่อบ้านในตำบลเดียวกันมาช่วยตัดแต่งกิ่งต้นสัก เพราะว่านายแสวงมีเลื่อยโซ่ยนต์ จนกระทั่งเพื่อนบ้านมาตามตนเองว่ามารดาของตนเองถูกไฟคลอกตายอยู่ในสวนสักไปแล้ว จึงได้มาพบศพมารดาดังกล่าว ส่วนละเอียด แม่ของตนเอง ก็ชอบเป็นโรคความดันเป็นประจำ ไม่แน่ใจว่าจะอาการในช่วงเกิดเหตุหรือไม่
ระหว่างเจ้าหน้าที่ตรวจสอบที่เกิดเหตุชุดสืบสวนได้เรียกนายแสวง ผู้ต้องสงสัยที่อยู่ในที่เกิดเหตุกับผู้ตายเป็นคนสุดท้ายพบพิรุธหลายอย่างระกว่างการสอบปากคำและพบรอยเลือดบนฝ่ามือของนายแสวง แต่นายแสวงให้การปฏิเสธ ว่าเลือดดังกล่าวเป็นของตนเองที่เกิดจากหนามเกี่ยว แต่ไม่พบบาดแผลที่มือของผู้ต้องสงสัย เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้กักตัวนายแสวงไว้สอบสวนและนำเลือดที่พบบนฝ่ามือไปตรวจสอบทางวิทยาศาสตร์เพื่อทราบว่าเลือดดังกล่าวตรงกันเลือดของผู้ตายหรือไม่ ส่วนศพของผู้เสียชีวิตนั้นได้ไปส่งผ่าพิสูจน์อีกครั้งที่โรงพยาบาลพุทธชินราชเพื่อหาสาเหตุว่าผู้ตายเสียชีวิตเพราะถูกไฟคลอกหรือถูกฆาตรกรรมและเผาศพเพื่ออำพรางคดี
/////
ชมภาพวีดีโอ
[media id=275 width=480 height=360]