ซ่อมเสร็จแล้วประตูปิดเขื่อนนเรศวร

เมื่อเวลา 09.00 น.ของวันที่  10 เม.ย.2555 นายสุเทพ น้อยไพโรจน์ รองอธิบดีกรมชลประทาน พร้อมคณะรุดตรวจสอบสภาพเขื่อนนเรศวร อ.พรหมพิราม จ.พิษณุโลก หลังจากบานประตูระบายน้ำเขื่อน บานที่ 5 ที่มีน้ำหนัก 28 ตัน หลุดออกเสียหาย ส่งผลให้น้ำในแม่น้ำน่านได้ไหลออกอย่างรวดเร็ว และสูงขึ้นกว่า 2 เมตร ประชาชนที่อาศัยในพื้นที่ใต้เขื่อนต่างหวาดผวาเกรงน้ำท่วม  

โดยหลังจากนายสุเทพ น้อยไพโรจน์ รองอธิบดีกรมชลประทาน ได้ตรวจสภาพเขื่อนนเรศวรแล้ว ได้กล่าวกับสื่อมวลชนว่า สาเหตุของบานประตูระบายน้ำพังและหลุดไปกับกระแสน้ำนั้น เนื่องจากสลิงและอุปกรณ์บางตัวหมดอายุการใช้งาน ซึ่งปกติจะมีการซ่อมแซมบำรุงรักษา 2 ปี ต่อ 1 ครั้ง แต่หลังจากเกิดเหตุการณ์ดังกล่าวแล้ว ทางเขื่อนนเรศวร ได้เร่งทำการซ่อมแซมประตูระบายน้ำที่ชำรุด โดยนำเอาบานสำรองมาติดตั้งไว้ก่อน จนสามารถควบคุมระดับน้ำไว้ได้เป็นปกติแล้วเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา พร้อมกับใช้บานประตูระบายน้ำ 1-4 เป็นตัวควบคุมระบายน้ำไปก่อน ส่วนบานประตูที่ชำรุดและหลุดหายไปกับกระแสน้ำนั้น ขณะนี้ยังไม่พบแต่อย่างใด ซึ่งทางชลประทานก็จะ เร่งตรวจสอบหาบานประตูดังกล่าวขึ้นมาจากแม่น้ำน่านอีกครั้ง ซึ่งคาดว่าจะดำเนินการให้เสร็จสิ้นก่อนฤดูน้ำหลากอย่างแน่นอน และในช่วงบ่ายวันนี้ช่างเทคนิค จากกรมชลประทานจะเดินทางมาตรวจสอบมาตรฐานและการแก้ไขประตูระบายน้ำของเขื่อนนเรศวรอีกครั้ง

รองอธิบดีกรมชลประทาน กล่าวอีกว่า ขอให้ทางสำนักงานชลประทานที่ 3 ได้เร่งประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนในพื้นที่ได้มีความมั่นใจเกี่ยวกับการระบายน้ำของเขื่อนนเรศวรที่กลับมาสู่สภาพปกติ ไม่ต้องตื่นตระหนกว่าจะมีน้ำท่วมแต่อย่างใด พร้อมทั้งให้สำรวจบานประตูน้ำไม่ว่าจะเป็นแม่น้ำ คู คลอง ว่ามีการเสียหายอะไรหรือไม่ เพื่อรองรับน้ำที่จะมาในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้านี้ ซึ่งหากมีการชำรุดก็ให้เร่งซ่อมแซม โดยใช้งบประมาณสำรวงของกรมชลประทาน ได้ตลอดเวลา

 

ด้านนายกรรณชิง ขาวสอาด รักษาการ ผู้อำนวยการโครงการบริหารจัดการเขื่อนนเรศวร กล่าวว่า ขณะนี้ปัญหาของการทำงานของเขื่อนนเรศวรนั้น มี 2 ประการที่ขอให้ทางกรมชลประทาน ได้เร่งแก้ไขคือปัญหาบุคลากร ที่ไม่เพียงต่อการทำงานในการดูแลเขื่อนและตรวจสอบควบคุมน้ำตลอดเวลา อีกปัญหาหนึ่งคือ ค่าซ่อมแซมบำรุงรักษา ยังไม่เพียงพอ ส่งผลให้สภาพแวดล้อมโดยทั่วไปอย่างเป็นไปอย่างล่าช้า

 

แสดงความคิดเห็น