เมื่อวันที่ 29 มีนาคม ผู้สื่อข่าวได้รายงานว่าจากสถานการณ์เศรษฐกิจในปัจจุบันที่ราคาข้าวของเครื่องใช้ทั้งของแห้งและของสดที่ทยอยปรับราคาสูงขึ้นจนทำให้เศรษฐกิจการค้าขายอาหารการกินของผู้ประกอบการ ในยามค่ำคืนเงียบเหงา แต่ปรากฏว่าที่บริเวณวงเวียนสถานีรถไฟ ถ.เอกาทศรถ ต.ในเมือง อ.เมือง จ.พิษณุโลก มีรานก๋วยเตี๋ยวร้านหนึ่งที่มีลูกค้าทุกเพศทุกวัยเดินทางมาแวะเวียนเข้าออกรับประทานอย่างคึกคัก จึงเดินเข้าไปดูภายในร้านก๋วยเตี๋ยวว่าแตกต่างจากที่อื่นอย่างไรและที่สะดุดตามากที่สุดก็เป็นป้ายสีเหลืองแผ่นใหญ่ที่มีคำที่อยู่ในวงเล็บบนป้ายที่เขียนไว้ว่า (ผู้สูงอายุ 60 ปี และเด็กอายุไม่เกิน 5 ขวบ ทานฟรี) จึงไปสอบถามถึงข้อความดังกล่าว เนื่องจากข้อความดังกล่าวเป็นการส่วนกระแสของสภาพเศรษฐกิจในปัจจุบัน
โดยนายปิงโก โพธิ์ทอง อายุ 53 ปี และนางมาลัย โพธิ์ทอง อายุ 45 ปี ทั้งสองอาศัยอยู่บ้านเลขที่ 30/324 ถ.พระลือ ต.ในเมือง อ.เมือง จ.พิษณุโลก สองสามีภรรยาเจ้าของร้านก๋วยเตี๋ยว เล่าว่า เดิมทีตนและภรรยาเป็นคนสุโขทัย จาการที่เคยลำบากโดยเริ่มชีวิตจาก ศูนย์สองตัวเลยก็ว่าได้ จากการปั่นสามล้อถีบโดยสาร ขับรถตุ๊กตุ๊ก และจนกระทั่งได้มาเปิดร้านก๋วยเตี๋ยวเย็นตาโฟ สูตรเจ๊ มาลัยทอง ในวันที่ 3 สิงหาคม ปี 2539 เริ่มจากมีโต๊ะบริการเพียง 5 โต๊ะเท่านั้น โดยที่แต่ละวันนั้นจะมีลูกค้าผู้สูงอายุและเด็กในวัยดังกล่าวนั้น จะต้องเสียเงินซื้อก๋วยเตี๋ยวรับประทานชามละ 25-30 บาทและบ่อยครั้งที่ตนเองเห็นว่าลูกค้ารับประทานไม่หมด จึงริเริ่มคิดทำป้ายติดให้รับประทานฟรีสำหรับผู้สูงอายุและเด็ก ตั้งแต่เมื่อ ปี 2546 จนมาถึงปัจจุบัน โดยจะให้เด็กอายุไม่เกิน 5 ขวบ และผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไป เดินทางมารับประทานก๋วยเตี๋ยวฟรี
ซึ่งในแต่ละวันจะมีผู้ที่เดินทางมารับประทานก๋วยเตี๋ยวฟรีไม่ต่ำกว่า 25 ชามต่อวัน โดยตนคิดว่าสิ่งที่ทำอยู่นั้นถือเป็นการช่วยเหลือสังคมอีกทานหนึ่ง ดีกว่าที่จะให้ก๋วยเตี๋ยวที่ทานไม่หมดนั้นทิ้งเสียเปล่าโดยไม่ได้ประโยชน์อะไรเลย จึงคิดว่าหากเป็นเช่นนี้เราสมควรที่จะให้เค้ารับประทานฟรีโดยไม่คิดเงินจะดีกว่า และสำหรับผู้ที่รับประทานฟรีนั้นสามารถเดินทางกลับมารับประทานใหม่ได้อีกในวันเดียวกันจนกว่าจะอิ่มได้ในแต่ละวัน
โดยบรรยากาศร้านก๋วยเตี๋ยวมีประชาชนเดินทางมากินกันจำนวนมาก โดยเฉพาะเด็กและผู้สูงอายุ
////