เมื่อเวลา 09.10 น. วันที่ 22 มี.ค. 55 เจ้าหน้าที่ตำรวจประจำศูนย์วิทยุ สภ.เมืองพิษณุโลก ได้รับแจ้งเหตุเพลิงไหม้บ้านพักที่บริเวณหน้าวัดหนองหัวยาง ต.ท่าทอง จึงแจ้งให้ พ.ต.ท.วิชาญ บัวศักดิ์ สารวัตรเวรทราบ เพื่อรุดไปสอบสวน พร้อมแจ้งผู้เกี่ยวข้องรุดไปช่วยเหลือ โดยมีรถดับเพลิงจาก อบต.ท่าทอง อบต.ท่าโพธิ์ และเทศบาลนครพิษณุโลก ระดมกำลังไปช่วยดับเพลิงที่กำลังโหมลุกไหม้ จนเวลาผ่านไปประมาณ 30 นาที เพลิงจึงสงบ ปรากฏว่าเพลิงได้เผาผลาญบ้านเสียหายทั้งหลัง ตรวจสอบทราบบ้านเกิดเหตุเลขที่ 45/1 ม.7 บ้านหนองหัวยาง ต.ท่าทอง อ.เมืองพิษณุโลก ช่วงเกิดเหตุไม่มีใครอยู่ เนื่องจากเป็นบ้านเช่า ผู้เช่าไปออกไปทำงานตั้งแต่ช่วงเช้า
นายสุริยะ ฤทธิ์ทอง อายุ 42 ปี อยู่บ้านเลขที่ 256 ม.10 ต.ท่าทอง อ.เมือง จ.พิษณุโลก กล่าวว่า บ้านที่ถูกไฟไหม้เป็นบ้านของตนเปิดให้เช่ามานานหลายเดือนแล้ว โดยผู้เช่ามีอาชีพทำงานรับจ้างก่อสร้าง โดยทุกวันจะออกไปทำงานในตัวเมืองพิษณุโลก
ต่อมานายถวัลย์ ประเสริฐศรี อายุ 47 ปี ผู้เช่าบ้านหลังที่เกิดเพลิงไหม้ เดินทางมาที่เกิดเหตุ กล่าวว่า ตนพร้อมนางพิมพ์พา ภู่ศรี อายุ 44 ปี ภรรยา ออกไปทำงานตั้งแต่ช่วง 6 โมงเช้า โดยปล่อยให้ ด.ช.ชัยวุฒิ ประเสริฐศรี อายุ 12 ปี อยู่บ้านตามลำพัง เนื่องจากเป็นช่วงปิดเทอม กระทั่งภรรยาได้รับโทรศัพท์ ว่าบ้านเช่าถูกไฟไหม้ทั้งหลัง จึงรีบพากันเดินทางกลับมา
นางพิมพ์พา กล่าวว่า ตนพร้อมครอบครัวเพิ่งมาเช่าบ้านหลังดังกล่าวประมาณ 3-4 เดือน เช่าเดือนละ 800 บาท ตอนเช้าไปพากันไปทำงานปกติ แต่ปล่อยให้ลูกชายอยู่บ้านคนเดียว จนมีคนโทรหาว่าไฟไหม้บ้าน แต่ไม่ทราบจากสาเหตุใด เพราะก่อนออกจากบ้านก็ดูความเรียบร้อยหมดแล้ว ไม่ได้เสียบปลั๊กไฟหรือทำอะไรทิ้งเอาไว้ ทรัพย์สินที่ถูกไฟไหม้เสียหายทั้งหมด มีเครื่องใช้ไฟฟ้าทุกชนิด โดยเฉพาะตู้เย็นราคากว่าหมื่นบาทเพิ่งซื้อมาใหม่ นอกจากนั้นยังมีสดที่เตรียมเอาไว้ใช้จ่ายประมาณ 15,000-16,000 บาท และแหวนทองคำ 1 วง ถูกไฟไหม้หมด สอบถามลูกชาย ทราบว่า ช่วงที่เกิดไฟไหม้บ้าน ลูกชายไม่ได้อยู่บ้าน และไม่ได้ทำอะไรทิ้งเอาไว้ แต่ออกไปเที่ยวหาเพื่อนที่อยู่ใกล้เคียงกัน หลังเกิดไฟไหม้บ้านจึงรีบกลับมา โดยให้เพื่อนบ้านโทรบอกตน
นายธวัน ทองเสริฐ ผู้ใหญ่บ้าน ม.7 บ้านหนองหัวยาง กล่าวว่า ช่วงเกิดเหตุตนขี่รถผ่านมาพอดี มองเห็นกลุ่มควันไฟพวยพุ่งออกมาจากบ้านหลังดังกล่าว จึงได้เข้าไปดู พบว่าที่บริเวณห้องน้ำด้านหลัง มีไฟลุกไหม้ จึงรีบคว้าสายน้ำฉีดสกัดเพลิง แต่เอาไม่อยู่ จึงได้แจ้ง อบต.นำรถดับเพลิงมาช่วย พร้อมกับแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ แต่ปรากฏว่าเพลิงได้โหมลุกไหม้อย่างหนัก จนทำให้เผาผลาญบ้านเสียหายหมดทั้งหลัง ช่วงเกิดเหตุก็ไม่มีใครอยู่ จึงไม่ทราบจากสาเหตุใด
เบื้องต้นทางเจ้าหน้าที่ตำรวจยังไม่สามารถระบุสาเหตุครั้งนี้ได้ จะต้องรอการตรวจสอบจากเจ้าหน้าที่ตำรวจกองพิสูจน์หลักฐานเข้าตรวจสอบอีกครั้ง สันนิษฐานคาดว่าน่าจะเกิดจากไฟฟ้าลัดวงจร เนื่องจากบ้านหลังดังกล่าวเป็นบ้านที่ปลูกมานานแล้ว สภาพความเก่าของสายไฟอาจจะชำรุด ซึ่งต้องตรวจสอบรายละเอียดอีกครั้ง