เมื่อเวลา 11.30 น. วันที่ 2 มี. ค. 2555 ร.ต.อ.มนตรี แดงดี ร้อยเวร สภ.เมืองพิษณุโลก ได้รับแจ้งจากทหารค่ายสมเด็จพระบรมไตรโลกนารถ ต.สมอแข อ.เมืองพิษณุโลก ว่ามี เหตุระเบิดบริเวณสนามซ้อมยิงปืนภายในค่าย มีคนเสียชีวิตเป็นเด็กจำนวน 2 ราย และบาดเจ็บ 1 ราย จึงรายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบ รุดไปทำการสอบสวน พร้อมด้วย พ.ต.อ.สมชาย เกิดช้าง ผกก. เจ้าหน้าที่ตำรวจพิสูจน์หลักฐาน 6 แพทย์เวรโรงพยาบาลพุทธชินราช เดินทางเข้าไปประสานกับทหารภายในค่าย โดยมีเจ้าหน้าที่ทหารหลายฝ่ายร่วมเข้าไปตรวจสอบด้วย
บริเวณเกิดเหตุอยู่ด้านหลังค่าย ซึ่งเป็นพื้นสนามซ้อมยิงบริเวณกว้าง พบศพผู้เสียชีวิตเป็นชายสองรายอยู่ห่างกันประมาณ 30 เมตร โดยศพแรกสภาพเละทั้งตัว ท่อนล่างขาดหายไปทั้งหมด ส่วนอีกศพสภาพนอนค่ำหน้าสวมกางเกงยีนขาวยาวเสื้อยืดสีดำ ทางเจ้าหน้าที่ทหารได้เข้าตรวจสอบ และได้กันพื้นที่เอาไว้ พร้อมนำเครื่องมือตรวจหาวัตถุระเบิด เนื่องจากเกรงว่าจะเกิดเหตุซ้ำซ้อนขึ้นอีก หลังจากมีการตรวจสอบจนแน่ใจ จึงอนุญาตให้ผู้ที่เกี่ยวข้องเข้าไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ และนำศพออกมาจากบริเวณดังกล่าว และยังพบชิ้นส่วนของร่างกายกระเด็นไปไกลกว่า 100 เมตร นอกจากนั้นยังพบรถจักรยานยนต์ของผู้เสียชีวิตจอดอยู่ไม่ไกลจากจุดเกิดเหตุมากนัก
ต่อมาทราบชื่อผู้เสียชีวิตรายแรกชื่อนายสุทิน ปินโก อายุ 15 ปี อยู่บ้านเลขที่ 230 ม.13 ต.วังทอง อ.วังทอง จ.พิษณุโลก สภาพศพเละเหลือเพียงท่อนบน ส่วนศพที่2 ชื่อนายสินสมุทร ศรีม่วง อายุ 15 ปี อยู่บ้านเลขที่ 164 ม.3 ต.วังทอง อ.วังทอง จ .พิษณุโลก สภาพศพทั่วร่างกายมีแผลเหวอะหวะ และแขนขวาขาดรุ่งริ่ง ส่วนผู้บาดเจ็บอีกรายทราบชื่อ ด.ช.ดรีม โพธิ์ทอง อายุ 5 ขวบ เจ้าหน้าที่ทหารนำตัวส่งโรงพยาบาลวังทอง แต่แพทย์ส่งตัวไปรักษาต่อที่โรงพยาบาลพุทธชินราช
เบื้องต้นจากการสอบสวน ทราบว่า ก่อนเกิดเหตุ ได้มีกลุ่มเด็กจากอำเภอวังทองประมาณ 7 คน ได้ลักลอบเข้ามาภายในบริเวณค่าย โดยจะเข้าไปในพื้นที่สนามซ้อมยิงปืนของค่าย เพื่อไปเก็บปลอกกระสุนปืน หัวกระสุน และหัวระเบิดที่ตกอยู่ในบริเวณสนามยิงปืน เพื่อนำไปขายร้านรับซื้อของเก่า ในจำนวนนั้นมีผู้เสียชีวิตและผู้บาดเจ็บเข้าไปเก็บเช่นกัน และนำไปชั่งกิโลขาย แต่ด้วยความที่รู้เท่าไม่ถึงการณ์ ได้มีการแกะแงะหัวกระสุนระเบิด จึงทำให้เกิดระเบิดขึ้นจนเป็นเหตุให้เสียชีวิตและบาดเจ็บ
พ.ท.ธีรยุทธ อิ่มอรุณ นายทหารค่ายสมเด็จพระบรมไตรโลกนารถ กล่าวว่า ในพื้นที่สนามซ้อมยิงปืนที่ผ่านมา มีการใช้อาวุธปืนแบบ เอ็ม 79 และ หัวระเบิดอาร์พีจี ในการซ้อมรบ ทุกครั้งทางค่ายจะประกาศห้ามบุคคลภายนอกเข้ามาในพื้นที่ เนื่องจากเป็นพื้นที่หวงห้าม แต่มีชาวบ้านลักลอบเข้ามาทางด้านที่ไม่มีรั้ว เพื่อมาเก็บปลอกกระสุน หัวกระสุนและหัวระเบิด ที่ทหารซ้อมยิงตกในบริเวณสนามซ้อมยิงปืน ซึ่งกระสุนบางหัวถูกยิงใช้งานไปแล้ว แต่ก็มีหัวกระสุน หรือหัวระเบิดที่ไม่ทำงานตกอยู่ด้วย สาเหตุที่มีการระเบิด เนื่องจากมีการแกะแงะงัด จึงทำให้ระเบิดขึ้น
จากการสอบถามนายทหาร ทราบว่า ทางค่ายได้มีการฝึกซ้อมอาสาทหารพราน 4 กองร้อย จำนวน 266 คน โดยมีการฝึกมาตั้งแต่วันที่ 14 ก.พ.ไปจนถึง 28 มี.ค. หลังจากฝึกเสร็จจะส่งไปประจำที่กองร้อยทหารพราน 33 ลำปาง และส่งไปประจำ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยมีการซ้อมยิงปืนทุกวัน วันนี้ไม่มีการลงสนามซ้อมยิงปืนแต่อย่างใด เนื่องจากหยุดปรับปรุงสนามยิงปืน แต่มีการฝึกภาคทฤษฎีเกี่ยวกับวัตถุระเบิด ที่อาคารสโมสร ช.พัน 3 ปรากฏว่าได้มีเสียงระเบิดดังสนั่นจำนวน 1 ลูก แต่ไม่มีใครทราบว่าเกิดอะไรขึ้น กระทั่งมีเจ้าหน้าที่ทหารได้รับแจ้งว่ามีเด็กได้รับบาดเจ็บจากระเบิด จึงได้เข้าไปช่วยเหลือนำส่งโรงพยาบาล และเข้าตรวจสอบพื้นที่พบมีผู้เสียชีวิต 2 ราย ส่วนวัตถุระเบิดที่พบในที่ เกิดเหตุมีหัวระเบิด เอ็ม 79 เอ็ม 203 ขนาด 40 มม. เป็นลูกระเบิดยิงจากเครื่องระเบิด หรือเรียกชื่อย่อว่า ลย/ค สาเหตุที่ระเบิดมาจากการงัดแงะหัวระเบิด จึงทำให้เกิดการระเบิดขึ้น
นายรัตน ศรีม่วง อายุ 49 ปี กล่าวว่า นายสินสมุทร เป็นลูกชายคนเล็ก ได้เข้ามาเก็บปลอกกระสุนหลายครั้งแล้ว โดยมีเพื่อนรุ่นราวคราวเดียวกันชักชวนกันมาเก็บปลอกกระสุนปืนที่ในค่ายทหารอยู่หลายครั้ง เพื่อนำไปชั่งกิโลขาย กระทั่งมาเกิดเหตุร้ายแรงในวันนี้
นายบุญส่ง ปินโก อายุ 40 ปี พ่อของ นายสุทิน ปีนโก ผู้เสียชีวิต กล่าวว่า ลูกชายเรียนอยู่ ชั้น ป.6 โรงเรียนวังสะพาน อ.วังทอง จ.พิษณุโลก แต่ยังอยู่ในช่วงปิดเทอม ลูกชายได้ขี่รถจักรยานยนต์ออกมาจากบ้านตั้งแต่เวลา 08.00 น. พร้อมกับเพื่อน เพื่อไปหาเก็บปลอกกระสุนปืนในค่ายสมเด็จพระบรมไตรโลกนารถ ซึ่งเคยไปเก็บมาแล้วหลายครั้ง ซึ่งมีเพื่อนหลายคนเข้าไปเก็บเอามาขายกัน
//////////////
ชมภาพวีดีโอ
[media id=251 width=480 height=360]