วันนี้( 21 ก.พ.)นายสมหวัง ปารสุขสาร หัวหน้าฝ่ายบำรุงและรักษาเขื่อนแควน้อยบำรุงแดน จังหวัดพิษณุโลก เปิดเผยว่า ขณะนี้ระดับน้ำเก็บกักที่เขื่อนแควน้อยบำรุงแดนอยู่ที่130 เมตร ในระดับน้ำทะเลปานกลาง ปริมาณน้ำกักเก็บอยู่ที่ 352.92 ล้านลูกบาศก์เมตร จากความจุเขื่อน 939 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือคิดเป็น 37.58 %ของความจุเขื่อน โดยมีปริมาณน้ำไหลเข้าอ่างอยู่ที่ 1.02 ล้านลูกบาศก์เมตรต่อวัน ปริมาณการระบายน้ำอยู่ที่ 8.64 ล้านลูกบาศก์เมตรต่อวัน หรือ 100 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที สำหรับเขื่อนแควน้อยบำรุงแดนถือเป็น 1 ใน 14 เขื่อนใหญ่ ที่มีการพร่องน้ำตามแผนบริหารจัดการเขื่อนเก็บน้ำหลักและแผนบริหารจัดการน้ำของประเทศปี 2555 ซึ่งเป็นการพร่องน้ำล่วงหน้าในฤดูแล้ง เพื่อช่วยลดการระบายในฤดูฝน โดยรักษาสมดุลการบริหารจัดการน้ำ เพื่อใช้ในการป้องกันน้ำท่วม การอุปโภค – บริโภค การเกษตร และการป้องกันภัยแล้ง
นายสมหวัง ปารสุขสาร หัวหน้าฝ่ายบำรุงและรักษาเขื่อนแควน้อยบำรุงแดนยังได้กล่าวเพิ่มเติมว่า ปริมาณน้ำอยู่ที่ 37.58 % ของปริมาณน้ำเก็บกับของเขื่อนแควน้อยบำรุงแดน ถือว่าต่ำกว่าเกณฑ์การเก็บกักเล็กน้อย ทั้งนี้เพื่อให้สามารถรองรับน้ำใหม่ได้ โดยในช่วงเดือนมีนาคมถึงเดือนเมษายน ทางเขื่อนฯจะลดการระบายลงให้เหลือ 10 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที สาเหตุเนื่องมาจากทางเขื่อนฯ ต้องทำการซ่อมแซมตลิ่งลำน้ำแควน้อยที่ทรุดและพังเมื่อช่วงฤดูน้ำหลากปีที่ผ่านมา ทั้งนี้เพื่อจะได้สามารถระบายน้ำและพร่องน้ำโดยไม่มีผลกระทบกับท้ายน้ำ และเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารจัดการน้ำให้กับพื้นที่ชลประทานของเขื่อนแควน้อยบำรุงแดน ให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น จึงขอแจ้งให้ประชาชนทราบว่า การส่งน้ำให้กับพื้นที่เพาะปลูกของเขื่อนฯ จะหยุดทำการส่งน้ำในวันที่ 29 กุมภาพันธ์ 2555 นี้ และจะเริ่มทำการส่งน้ำให้กับพื้นที่ชลประทานของเขื่อนฯ อีกครั้ง ในต้นเดือนพฤษภาคม 2555 โดยก่อนที่จะทำการส่งน้ำให้กับพื้นที่ชลประทาน จะได้มีการประชุมชี้แจงแก่ราษฎร อีกครั้ง
สำหรับระดับน้ำแม่น้ำน่าน ที่ไหลผ่านตัวเมืองพิษณุโลก พบว่ามีระดับเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้เนื่องจากการปล่อยน้ำจากเขื่อนสิริกิติ์ และเขื่อนแควน้อย ส่งผลให้ระดับน้ำในแม่น้ำน่านมีระดับสูงขึ้นเกือบ 6 เมตรแล้ว ซึ่งเหลือเพียงอีก 4 เมตร ระดับน้ำในแม่น้ำน่าน ก็จะสูงถึงขั้นวิกฤติเหมือนปีที่ผ่านมา
////