ปีที่แล้วน้ำท่วมบางระกำหนักหนาสาหัส ท่วมนานที่สุดนับแต่เคยจัดบันทึกมา 141 วัน จากเดิมเฉลี่ยจะท่วมขัง 110-120 วัน น้ำท่วมชาวบางระกำไม่ว่า แต่น้ำมาท่วมเร็วทำให้ข้าวเสียหายมหาศาล
วิถีบางระกำ ได้ปรับตัวกับสายน้ำยมมายาวนานอยู่แล้ว อาชีพหลักคือทำนา ใน 1 ปี ต้องได้สองรอบ รอบแรกปลูกพย.-ธค.เก็บเกี่ยว มีค.-เมษา นาปรังรอบสอง ปลูกต่อทันที เก็บเกี่ยวกค.-สค. ของทุกปี และเป็นช่วงเวลาคาบเกี่ยวที่น้ำยมล้นตลิ่งมาท่วมทุ่งนาบางระกำ จากนั้น น้ำก็จะท่วมขังนาน3-4 เดือน จะเริ่มทำนารอบแรกอีกพอถึงเมษ.พค.น้ำก็มาแล้งอีก ไม่สามารถใช้ประโยชน์จากน้ำยมที่ท่วมขังได้
สิงหาคม 2554 น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีมาเปิดบางระกำโมเดล ให้เป็นจังหวัดต้นแบบในการบริหารจัดการปัญหาน้ำท่วมและภัยแล้ง กุมภาพันธ์ 2555 นายกฯ มาอีกรอบ ทัวร์นกขมิ้น บูรณาการบริหารจัดการน้ำต้นน้ำ กลางน้ำ ปลายน้ำ คราวนี้มาพร้อมแผนงานและเม็ดเงิน ให้พิษณุโลกมาขุดลอกคูหนอง บึงต่าง ๆ ในอ.บางระกำ วางแผนบริหารจัดการน้ำในเขื่อนหลัก ปีนี้จึงคาดหวังว่า บางระกำคงไม่หนักหนาสาหัสกว่าเดิม
สอบถามบรรดิษฐ์ อินต๊ะ ผอ.โครงการชลประทานพิษณุโลกสรุปแผนบริหารจัดการน้ำท่วมเขตอ.บางระกำหลัก ๆ ได้ความว่า ต้องอาศัย 2 ลุ่มน้ำร่วมด้วยช่วยกัน ลุ่มน้ำยมผ่านอ.บางระกำ แต่ละปีมีน้ำท่าเฉลี่ย 4,000 ล้านลบ.ม. มีอ่างกักเก็บน้ำได้แค่ 400 ล้านลบ.ม. กำลังพิจารณาว่าจะสร้างอ่างเก็บน้ำยมบน ยมล่าง ทดแทนเขื่อนแก่งเสือเต้น การบริหารจัดการน้ำค่อนข้างลำบาก จึงต้องอาศัยลุ่มน้ำน่านเป็นตัวช่วย เมื่อน้ำยมหลาก ก็ลดการปล่อยน้ำจากเขื่อนสิริกิติ์และเขื่อนแควน้อย ให้น้ำน่านต่ำ เพื่อระบายน้ำยมลงน้ำน่านได้ นี่คือหลัก ๆ ช่วงหน้าน้ำ
ส่วนหน้าแล้ง บางระกำก็แห้งสนิท ก็ต้องอาศัยน้ำจากแม่น้ำน่าน และแม่น้ำปิงจากจ.กำแพงเพชร ดึงมาช่วยพื้นนานอกเขตชลประทาน 2 แสน ที่แล้งปีนี้ค่อนข้างดีหน่อย น้ำท่าบริบูรณ์ ได้เห็นนาข้าวเขียวขวี แต่ก็มีไม่น้อยที่ต้องพึ่งตัวเองด้วยบ่อบาดาล
แม้จะยังไม่เห็นผลทันตา และบางระกำก็คงท่วมแน่ในปีนี้จะมากหรือน้อยเท่านั้นเอง แต่จากการวางแผนและการบริหารจัดการทั้งรัฐบาลและจังหวัดพิษณุโลก เชื่อได้ว่า ชีวิตความเป็นอยู่ของชาวบางระกำก็น่าจะดีขึ้นกว่าเดิม