ที่ศาลาการเปรียญ วัดกรุงกรัก ตำบลท่านางงาม อ.บางระกำ จ.พิษณุโลก นายสุรชัย เลี้ยงบุญเลิศชัย ประธานคณะกรรมาธิการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม วุฒิสภา นำคณะกรรมาธิการฯและเจ้าหน้าที่ลงพื้นที่อำเภอบางระกำ จัดการเสวนา “ถอดบทเรียน มหาอุทกภัย 2554” ณ ศาลาการเปรียญวัดกรุงกรัก ตำบลท่านางงาม อำเภอบางระกำ โดยมีตัวแทนจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง องค์กรปกครองท้องถิ่น เกษตรกรและราษฎรชาวบางระกำร่วมการเสวนา เพื่อระดมความคิดเห็นและแลกเปลี่ยนประสบการณ์เกี่ยวกับจัดการทรัพยากร ธรรมชาติที่มีผลสืบเนื่องกับภัยพิบัติที่กระทบกับชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชน รวมทั้งนำประสบการณ์ความสำเร็จในการแก้ไขปัญหาอุทกภัยในอดีตมาเป็นกรณีศึกษาเพื่อใช้เป็นแนวทางในการป้องกันและแก้ไขปัญหาในอนาคต
นายสุรชัย เลี้ยงบุญเลิศชัย ประธานคณะกรรมาธิการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม วุฒิสภา กล่าวภายหลังการเสวนาถอดบทเรียน มหาอุทกภัย ในครั้งนี้ว่าชาวบ้านในพื้นที่ไม่ห่วงกังวลที่จะต้องประสบกับปัญหาน้ำท่วม แต่ต้องไม่ท่วมหนักและท่วมนานเช่นปีที่ผ่านมาซึ่งท่วมสูงถึง 4-5 เมตร และท่วมเป็นระยะเวลานานกว่า 4 เดือน ซึ่งส่งผลกระทบต่อวิถีชีวิตของราษฎรในพื้นที่ค่อนข้างมาก ทั้งนี้สิ่งที่เป็นความจำเป็นและราษฎรต้องการนั้นคือเครื่องมือในการบริหารจัดการน้ำ ชะลอน้ำไม่ให้ท่วมก่อนที่การเก็บเกี่ยวข้าวจะแล้วเสร็จ และเครื่องมือที่กักเก็บน้ำให้ราษฎรหรือพี่น้องเกษตรกรไว้ใช้ในฤดูแล้ง
ประธานคณะกรรมาธิการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม วุฒิสภา กล่าวด้วยว่า ระยะเวลาเพียง 2 เดือน เปลี่ยนแปลงสภาพพื้นที่บางระกำจากที่ถูกน้ำท่วมสูงกลับกลายเป็นขณะนี้ต้องมาคิดว่าจะหาน้ำที่ไหนมาให้ราษฎรใช้ ฉะนั้น “บางระกำโมเดล” ควรจะเป็นโมเดลในการบริหารจัดการน้ำว่าจะทำอย่างไรไม่ให้น้ำท่วมหนักซึ่งมีผลกระทบต่อวิถีชีวิตของประชาชนชาวบางระกำ ขณะเดียวกันต้องเป็นโมเดลในการสำรองน้ำไว้ให้พี่น้องประชาชนไว้ใช้ในฤดูแล้งได้ด้วย