วันที่ 27 มกราคม 2555 ผู้สื่อข่าวรายงานเรื่องที่สังคมพิษณุโลกกำลังให้ความสนใจมากที่สุดในขณะนี้ คือเรื่องคุณสมบัติตำแหน่งนายกเทศมนตรีนครพิษณุโลก นางเปรมฤดี ชามพูนท ว่าขณะนี้ จะออกหัว ออกก้อย จะต้องมีการเลือกตั้งนายกเทศมนตรีใหม่หรือไม่ ซึ่งเป็นผลมาจาการการฟ้องร้องตั้งแต่ปี 2550 นายชัยวัฒฒ์ คลศรีชัย ผู้สมัครนายกเทศมนตรีนครพิษณุโลกในสมัยนั้น ได้ฟ้องศาลปกครองพิษณุโลก โดยฟ้องผู้ว่าราชการจังหวัดพิษณุโลก ว่าพิจารณาคุณสมบัติของนางเปรมฤดี ชามพูนท ผู้สมัครนายกเทศมนตรีในขณะนั้นว่าไม่ขาดคุณสมบัติ ขณะที่นายชัยวัฒน์ได้เดินเรื่องฟ้องศาลปกครองต่อมากระทั่งล่าสุดมีคำสั่งของศาลปกครองสูงสุดออกมาเมื่อวันที่ 13 มกราคม 2555 และวินิจฉัยให้ผู้ถูกฟ้องคดี( ผวจ.พิษณุโลก ) มีคำสั่งวินิจฉัยใหม่ให้ถูกต้องตามกฎหมายต่อไปภายใน 15 วัน
วันนี้ ผู้สื่อข่าวได้สอบถาม นายปรีชา เรืองจันทร์ ผู้ว่าราชการจังหวัดพิษณุโลกถึงกรณีศาลปกครองสูงสุดมีคำพิพากษา เรื่อง คดีพิพาทเกี่ยวกับการที่เจ้าหน้าที่ของรัฐออกคำสั่งโดยไม่ชอบด้วยกฏหมายคดีหมายเลขดำที่ 312/2550 หมายเลขแดงที่11/2554 ของศาลปกครองชั้นต้น (ศาลปกครองพิษณุโลก) และ คดีหมายเลขดำที่ อ.195/2554 หมายเลขแดงที่ อ.509/2554 ของศาลปกครองสูงสุด โดยมี ผู้ว่าราชการจังหวัดพิษณุโลก เป็นผู้ถูกฟ้องคดี โดยศาลปกครองสูงสุดวินิจฉัยว่าความผิดเป็นไปตามคำร้องจึงให้ผู้ว่าราชการจังหวัดพิษณุโลกมีคำสั่งภายใน 15 วัน นั้น ในเรื่องหนังสือและคำพิพากษาจากศาลปกครองสูงสุด
นายปรีชา เรืองจันทร์ ผวจ.พิษณุโลก เปิดเผยว่า ตนได้เห็นเรื่องนี้เมื่อ 2 วันที่ผ่านมา ไม่มีการตั้งกรรมการเพื่อดูคำสั่งนี้ พิจารณาไปตามปกติ และได้มีการเซ็นต์หนังสือไปเรียบร้อยแล้วเมื่อวานนี้ (วันที่ 26 มกราคม 2555) การเซ็นต์หนังสือก็ได้ทำตามที่ศาลพิจารณามีคำสั่งออกมา ไม่มีเหตุอันต้องสงสัยอะไรอีกแล้ว จึงได้เซ็นต์หนังสือออกไป พร้อมทำหนังสือถึงทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องเพื่อดำเนินการตามคำพิพากษา
ทั้งนี้สืบเนื่องจาก นายชัยวัฒน์ คลศรีชัย อดีต สท.เทศบาลนครพิษณุโลก และเป็นอดีตผู้สมัคร นายกเทศมนตรีเทศบาลนครพิษณุโลก เปิดเผยถึงกรณีความคืบหน้าคดีพิพาทเกี่ยวกับการที่เจ้าหน้าที่ของรัฐออกคำสั่งโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย ว่า ผมในฐานะ ผู้ฟ้องคดี เรื่อง คดีพิพาทเกี่ยวกับการที่เจ้าหน้าที่ของรัฐออกคำสั่งโดยไม่ชอบด้วยกฏหมาย คดีหมายเลขดำที่ 312/2550 หมายเลขแดงที่ 11/2554 ของศาลปกครองชั้นต้น (ศาลปกครองพิษณุโลก) และ คดีหมายเลขดำที่ อ.195/2554 หมายเลขแดงที่ อ.509/2554 ของศาลปกครองสูงสุด โดยมี ผู้ว่าราชการจังหวัดพิษณุโลก เป็นผู้ถูกฟ้องคดี
นายชัยวัฒน์ เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 13 มกราคม 2555 ศาลปกครองสูงสุดได้อ่านคำพิพากษา(อุทธรณ์) เกี่ยวกับกรณีที่ตนเองได้ยื่นเรื่องคัดค้านคุณสมบัติของ นางเปรมฤดี ชามพูนท ผู้สมัครรับเลือกตั้งเป็นนายกเทศมนตรีนครพิษณุโลก เมื่อวันที่ 16 กรกฎาคม 2550 โดยมีส่วนได้เสียโดยตรงหรือโดยอ้อมในสัญญาหรือกิจการที่บริษัท อมรินทร์แลนด์แอนด์เฮาส์จำกัด ซึ่งเป็นผู้ประกอบกิจการโรงแรมอมรินทร์ลากูน ได้กระทำให้แก่เทศบาลนครพิษณุโลก โดยปรากฏว่าในการจัดประชุมสัมมนาทุกครั้งของเทศบาลนครพิษณุโลกจะจัดที่โรงแรมอมรินทร์ลากูนหลายเสมอ ทั้งที่จังหวัดพิษณุโลกมีโรงแรมอื่นๆในระดับเดียวกันหลายแห่ง
ผมในฐานะผู้สมัครรับเลือกตั้งซึ่งได้รับคะแนนเลือกตั้งเป็นอันดับที่ 2 ซึ่งตนเองเชื่อว่า นางเปรมฤดี น่าจะขาดคุณสมบัติรับเลือกตั้งเป็น นายกเทศมนตรีเทศบาลนครพิษณุโลก จึงได้ทำเรื่องเสนอให้ผู้ว่าราชการจังหวัดในสมัยนั้นได้พิจารณา กรณีเป็นผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทางอ้อมในสัญญาที่เทศบาลนครพิษณุโลก เป็นคู่สัญญากับโรงแรมอัมรินทร์ลากูน ตามพระราชบัญญัติเทศบาล พ.ศ.2496 มาตรา 48 จตุทศ วรรคหนึ่ง(3) ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติเทศบาล (ฉบับที่ 12 ) พ.ศ.2546 อันเป็นผลให้นางเปรมฤดี ต้องตกเป็นบุคคลต้องห้ามมิให้ใช้สิทธิสมัครรับเลือกตั้งเป็นนายกเทศมนตรี ตามพระราชบัญญัติการเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่น หรือผู้บริการท้องถิ่น พ.ศ.2545 มาตรา 45 (17) ประกอบกับพระราชบัญญัติเทศบาล พ.ศ.2496 มาตรา 48 เบญจ (5)ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติเทศบาล(ฉบับที่ 12) พ.ศ.2546 และต้องพ้นจากตำแหน่งนายกเทศมนตรีนครพิษณุโลก เพราะขาดคุณสมบัติตามมาตรา 48 ปัญจทศ (4) แห่งพระราชบัญญัติเดียวกัน
แต่ผู้ว่าราชการจังหวัดพิษณุโลกในสมัยนั้นได้มีคำวินิจฉัย ว่านางเปรมฤดีไม่เป็นผู้มีส่วนได้เสียตามหนังสือ ที่ มท0852.4/242 ลงวันที่ 27 กันยายน 2550 นายชัยวัฒน์จึงได้ยื่นฟ้องคดี ไปที่ศาลปกครองจังหวัดพิษณุโลก ซึ่งศาลปกครองชั้นต้นพิพากษาเพิกถอนของผู้ว่าราชการจังหวัดโดยให้ผู้ว่าฯมีคำวินิจฉัยใหม่ให้ถูกต้องตามกฏหมาย ซึ่งผู้ว่าฯคนปัจจุบันได้ยื่นอุทธรณ์ จนล่าสุดศาลปกครองสูงสุด พิพากษายืนตามศาลปกครองชั้นต้น โดยให้ผู้ว่าราชการจังหวัดพิษณุโลกมีคำวินิจฉัยใหม่ให้ถูกต้องตามกฏหมายต่อไป ภายใน15 วันนับแต่คำพิพากษาถึงที่สุด
ทั้งนี้ ศาลปกครองสูงสุด พิจารณาเห็นว่าแม้โรงแรมอมรินทร์ลากูน จะเป็นของ ธนาคารกรุงไทย ตามสัญญาปรับปรุงโครงสร้างหนี้ โดยธนาคารให้สิทธิแก่ลูกหนี้ชื้อคืนหลักทรัพย์ภายใน 5 ปี โดยมีเงื่อนไขกำชำระหนี้ให้ธนาคารทุก เดือนๆละ 200,000 บาท โดยผู้ถือหุ้นในโรงแรมทั้งหมดล้วนเป็นบุตรของนางเปรมฤดี และนายสุชน ชามพูนท การยกให้โดยมีความสัมพันธ์ระหว่างบิดามารดาย่อมต้องให้ความช่วยเหลือเกื้อกูลบุตรตนเอง เมื่อพิจารณาภาวะหนี้สินตามสัญญาปรับปรุงโครงสร้างหนี้ นางเปรมฤดีจึงต้องช่วยเหลือเพื่อให้กิจการมีรายได้มากขึ้นหรือเพียงพอที่จะปลดเปลื้องหนี้สินทั้งหมดและซื้อหลักทรัพย์จำนองรวมทั้งธุรกิจโรงแรมอมรินทร์ลากูนคืนจากธนาคารกรุงไทย ก่อนครบกำหนดเวลาซื้อคืนภายใน 5 ปี การกระทำในขณะดำรงตำแหน่งนายกเทศมนตรีนครพิษณุโลก ๆ เป็นผู้มีอำนาจหน้าที่ในการสั่ง อนุญาต และอนุมัติเกี่ยวกับราชการของเทศบาลนครพิษณุโลก นางเปรมฤดี จึงเป็นผู้มีส่วนได้เสียโดยทางอ้อมในสัญญาที่เทศบาลนครพิษณุโลกเป็นคู่สัญญากับโรงแรมอมรินทร์ลากูนตามมาตรา 48 จตุทศ วรรคหนึ่ง(3) แห่ง พระราชบัญญัติเทศบาล พ.ศ. 2496 อันเป็นผลให้ต้องตกเป็นบุคคลต้องห้ามมิให้ใช้สิทธิสมัครรับเลือกตั้งเป็นนายกเทศมนตรี ตาม มาตรา 45 (17)แห่งพ.ร.บ.การเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น พ.ศ.2545 ประกอบมาตร 48 เบญจ (3) แห่ง พ.ร.บ.เทศบาล พ.ศ. 2496 และต้องพ้นจากตำแหน่งนายกเทศมนตรีนครพิษณุโลก เนื่องจากขาดคุณสมบัติดังกล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า หลังจากผู้ว่าราชการจังหวัดพิษณุโลก มีคำสั่งพิจารณายืนยันตามคำพิพากษาศาลปกครองสูงสุดแล้วนั้น ล่าสุดเมื่อช่วงเที่ยงที่ผ่านมา ได้มีหนังสือสั่งการด่วนจาก กรมปกครองส่วนท้องถิ่น กระทรวงมหาดไทย มีคำสั่งให้ นายสมบัติ เฟื่องปรางค์ ท้องถิ่นจังหวัดพิษณุโลก ย้ายไปปฏิบัติราชการที่ จ.เพชรบูรณ์ ภายใน 24ชั่วโมง ซึ่งจะมีผลให้ท้องถิ่นจังหวัดพิษณุโลกต้องไปรับหน้าที่ใหม่ในวันที่ 1 กุมภาพันธ์ นี้ด้วย ซึ่งนายปรีชา เรืองจันทร์ ผวจ.พิษณุโลกบอกว่าเรื่องนี้ไม่เกี่ยวกัน
สำหรับเรื่องนายชัยวัฒน์ ฟ้องผวจ.พิษณุโลก เป็นเรื่องที่กำลังเป็นที่น่าสนใจของชาวพิษณุโลกว่า หลังจากวันที่ 26 มกราคม 2555 ที่ผู้ว่าราชการจังหวัดพิษณุโลก ได้เซ็นต์หนังสือและส่งเรื่องดังกล่าวไปยังผู้เกี่ยวข้อง ผลต่อมาจะเป็นประการใด นางเปรมฤดี ชามภูนท นายกเทศมนตรีจะขาดคุณสมบัติและมีผลต่อการดำรงตำแหน่งนายกเทศมนตรีในสมัยปัจจุบันหรือไม่ ถ้ามีผล จะมีการเลือกตั้งนายกเทศมนตรีหรือไม่
นายยงยศ เมฆอรุณ ประธานกกต.จังหวัดพิษณุโลก กล่าวว่า ตนยังไม่เห็นหนังสือคำสั่งของ ผู้ว่าราชการจังหวัดพิษณุโลก ว่าสั่งการอย่างไร ในกรณีคำพิพากษาศาลปกครองสูงสุด แต่ทั้งนี้ ผลจากกคำสั่งของศาลปกครองสูงสุด เป็นผลให้ผู้ว่าราชการจังหวัดพิ
////