เมื่อเวลา 10.30 น. วันที่ 24 ม.ค. 55 นายปรเมศ มุสิกรักษ์ เจ้าหน้าที่สสำนักงานพุทธศาสนาจังหวัดพิษณุโลก ได้รับแจ้งจากพลเมืองดี ว่า พบพระภิกษุสงฆ์ขับรถยนต์กระบะบรรทุกสิ่งของมาเต็มคัน โดยมีกรงสัตว์เลี้ยงนานาชนิดจำนวนหลายกรง ได้มาจอดพักที่บริเวณริมแม่น้ำน่านหลังวัดท่ามะปราง หลับนอนมาตั้งแต่กลางคืนที่ผ่านมา ทั้งข้าวของวางเต็มพื้นที่ไปหมด ตลอดทั้งตากผ้าเหลืองเอาไว้ โดยไม่สนใจสายตาของผู้คนที่ผ่านไปมา เพราะบริเวณดังกล่าวเป็นแหล่งชุมชน และเป็นตลาดไนท์บาร์ซ่า ผุ้คนจำนวนมากผ่านไปมามองดูด้วยความสงสัย ว่าเป็นพระจริงหรือไม่ จึงต้องการให้เจ้าหน้าที่สำนักพุทธศาสนามาตรวจสอบ ตลอดเวลาจะมีชาวบ้านที่ผ่านไปมาแวะเข้ามามุงดูกันเป็นจำนวนมาก
หลังจากเจ้าหน้าที่เดินทางมาถึง ตอนแรกไม่พบพระรูปดังกล่าว มีเพียงรถยนต์ยี่ห้ออีซูซุ สีเขียว หมายเลขทะเบียน น-8162 พิษณุโลกจอดอยู่ โดยรถยนต์บรรทุกข้าวของเต็มไปหมด ซึ่งมีสัตว์เลี้ยงหลายชนิดอยู่ในกรง มีทั้งลิง นก ไก่ หมา เต่า ปลา ปู โดยปล่อยให้หมาและไก่เตี้ยเดินอยู่ใกล้กับรถยนต์ นอกจากนั้นยังมีกระถางไม้ดอกไม้ประดับ ข้าวของเครื่องใช้ที่ขนาดใหญ่ที่สุดเป็นตู้เย็นขนาดใหญ่ตั้งอยู่ในกระบะรถยนต์ และยังมีการตากจีวรเอาไว้ และวางข้าวของกระจายกระจายเอาไว้อีกด้วย กระทั่งเวลาผ่านไปพระรูปดังกล่าวได้เดินทางกลับมาที่รถยนต์ ทางเจ้าหน้าที่ได้ขอตรวจสอบใบสุทธิ ทราบชื่อพระละม่อม ฐิตปุญโย อายุ 69 ปี เดิมชื่อนายละม่อม เชยเดช อยู่บ้านเลขที่ 130 ม.11 ต.วังน้ำคู้ อ.เมือง จ.พิษณุโลก บอกว่าได้ไปหาซื้ออาหารสัตว์และตาข่ายเหล็กมาทำกรงขังสัตว์
พระละม่อม เปิดเผยว่า ภูมิลำเนาตนเกิดที่บ้านปากพิงตะวันตก เป็นผู้นำชุมชนมา 17 ปี และบวชครั้งแรกเมื่ออายุ 20 ปี บวชอยู่ได้พรรษาเดียวก็สึกออกมา หลังจากมีครอบครัวมีลูก 3 คน ตอนนี้จบปริญญามีงานทำกันหมดแล้ว และได้บวชอีกครั้งเมื่อช่วงปี 2542 ขณะนี้พรรษาที่ 13 ที่ผ่านมาตนอยู่ตามวัดต่างๆมาแล้วกว่า 30 วัด แต่ว่าอยู่ไม่ได้เพราะคนเราเห็นแก่ตัวกันมากเอารัดเอาเปรียบ แม้แต่ครอบครัวของตนเองยังไม่ให้เข้าบ้าน หาว่าตนบ้า จึงต้องเร่ร่อนไปตามสถานที่ต่างๆ โดยมีรถยนต์ของตนเองซื้อเอาไว้หลายสิบปีแล้ว ราคาเงินสดตอนนั้น160,000 บาท ตอนนี้เก่ามากแล้ว ขับถอยหลังไม่ได้เพราะเกียร์ถอยหลังพังเดินหน้าอย่างเดียว ซึ่งเป็นทรัพย์ของตัวเองที่มีอยู่ขณะ เมื่อไม่มีวัดอยู่ได้เก็บข้าวของส่วนตัวทุกอย่างใส่รถยนต์ขับตระเวนไปตามจังหวัดต่างๆค่ำที่ไหนนอนที่นั่น โดยวัดสุดท้ายตนจำพรรษาอยู่คือวัดท่าหลวง จ.พิจิตร ก่อนจะอยู่ที่วัดนั้นไม่ได้ขับรถยนต์ตระเวนไปเรื่อยๆ
พระละม่อม กล่าวว่า สำหรับสัตว์เลี้ยงมีญาติโยมนำมาถวายให้ จึงต้องเลี้ยงเอาไว้อย่างลิงตั้งชื่อลำยอง โยมจาก จ.ชัยนาทให้มา นอกจากนั้นยังมีญาติโยมจากที่อื่นให้สัตว์มาเลี้ยงอีก มีไก่เตี้ย ไก่บ้านรวม 9 ตัว หมา 5 ตัว นก 30 ตัว และยังมีเต่า ปลา ปู อีกจำนวนหนึ่ง ตนจะใส่กรงพาไปตามตลอดเวลา เพราะเลี้ยงสัตว์ดีกว่าเลี้ยงคน และยังหาว่าตนบ้าบออีก ตนอยู่แบบนี้สบายใจไม่ได้ทำผิดอะไรและไม่มีของผิดกฏหมาย ตนอยากจะมีที่ดินอยู่เฉพาะ เพื่อสร้างวัดทำสิ่งที่ตนต้องการ ทุกวันนี้มีแต่คนมามุงดู ไม่เห็นมีใครมาช่วย แถบตำรวจเจ้าหน้าที่กลับมาไล่อีก คนเราก็เป็นเสียอย่างนี้
ต่อมา พระครูสังฆรักษ์ศักดิ์นรินทร์ ผู้ช่วยเลขารองเจ้าคณะจังหวัดพิษณุโลก พร้อมเจ้าหน้าที่เทศกิจเทศบาลนครพิษณุโลก ได้เดินทางมาตรวจสอบ โดยขอดูใบสุทธิ และสอบถามถึงวัดต้นสังกัด และที่มาที่ไปในการตระเวนออกพักแรมตามที่ต่าง ๆ หลังจากตรวจสอบใยสุทธิแล้ว ก็พบว่าเป็นของจริง ผู้ช่วยเลขารองเจ้าคณะจังหวัดพิษณุโลกได้พยายามบอกให้พระละม่อมหาวัดสังกัดอยู่ การตระเวนไปอย่างนี้เป็นภิกษุสงฆ์ทำไม่ได้ ยิ่งพระขับรถเองในจังหวัดพิษณุโลกคณะสงฆ์ก็ห้ามกันอยู่แล้ว แถมยังขนสัตว์อยู่ในสภาพกรงขังไปด้วยอีกยิ่งดูไม่เหมาะสมกับความเป็นพระ จึงอยากจะให้พระละม่อมหาวัดอยู่เป็นหลักแหล่ง
หลังมีการพูดคุยเจรจากันอยู่นาน สุดท้าย พระละม่อมไม่ขอยอมไปอยู่วัดใด บอกเพียงว่าจะไม่อยู่บริเวณนี้ และได้เก็บสิ่งของและอุปกรณ์เลี้ยงสัตว์ขึ้นรถขับออกไปจากบริเวณดังกล่าว พร้อมกับบอกว่าหากมีใครจะถวายที่ดินสร้างเป็นวัด ตนยินดีที่จะไปอยู่ โดยยกที่ดินเป็นของวัดไปเลย ตอนนี้ยังไม่มีที่อยู่ก็จะเดินทางขับเองไปเรื่อยๆ ใครที่ต้องการมอบที่ดินสามารถติดต่อตนได้ที่หมายเลข 082-8807425