กบตัวนี้ชื่อ ปรีชา เรืองจันทร์

14 มกราคม 2555 วันเด็กแห่งชาติ นายปรีชา  เรืองจนัทร์ ผวจ.พิษณุโลก เปิดห้องทำงานให้เด็ก ๆ เข้าไปนั่งเล่นแต่งตัวเป็นผู้ว่าฯน้อย ทำต่อเนื่องมา 3 ปีแล้ว นับแต่มาดำรงตำแหน่งผวจ.พิษณุโลก เด็ก ๆ มีโอกาสได้แต่งชุดผู้ว่าราชการจังหวัดพิษณุโลก นั่งโต๊ะทำงาน เซ็นต์เอกสาร เป็นการสร้างแรงบันดาลใจให้กับเด็ก ๆ ถ้ามีความมุมานะ อุตสาหะ ซื่อสัตย์สุจริต ก็มีโอกาสได้เติบใหญ่ในหน้าที่การงานที่ดี

ทีมข่าวพิษณุโลกฮอตนิวส์ มีโอกาสได้ไปสัมภาษณ์เรื่องต่าง ๆ ในห้องทำงานผวจ.พิษณุโลก ทั้งเรื่องคดีความที่มีการฟ้องร้องผวจ.พิษณุโลกกรณีคุณสมบัติของนางเปรมฤดี   ชามพูนท นายกเทศมนตรีนครพิษณุโลกที่ค้างคามานาน คดีนายกอบต.ท่าสะแกถูกจับกรณีรับสินบน รวมถึงเรื่องที่ผวจ.พิษณุโลกไปอยู่ระหว่างความขัดแย้งทางการเมือง ว่าด้วยการแจกถุงยังชีพของกระทรวงพลังงานโดยพรรคประชาธิปัตย์เมื่อปลายปี2554 หลายเรื่องท่านก็ตอบตรง ๆ รู้ก็บอก ยังไม่ทราบก็ไม่ตอบ บางเรื่องก็ตอบเป็นนัยแฝง

หลังเสร็จจากการสัมภาษณ์  ผวจ.พิษณุโลก ได้ให้ทีมข่าวพิษณุโลกฮอตนิวส์ ดูแนวคิดในการดำรงชีวิตและคติในการทำงาน สิ่งแรกคือบทกลอนของแม่ ที่ท่านใช้เตือนสติอยู่เสมอ ผวจ.พิษณุโลกประพันธ์โคลงกลอนตามคำสอนของแม่เอง ใส่กรอบรูปตั้งอยู่หลังโต๊ะทำงาน ใจความสรุปได้ว่า แม่เป็นห่วงลูก ไปรับราชการกลัวว่าจะมีกิเลสตัณหา ได้ดีแล้วอย่าหยิ่ง อย่าไปโกงกินบ้านเมือง ให้รู้จักประหยัด หากขัดสนก็กลับบ้านมามีข้าวกิน

 

สิ่งที่สอง ท่านได้มอบให้กับทีมข่าวพิษณุโลกฮอตนิวส์ทุกคน คือ กบนอกกะลา เป็นกบที่ทำจากขี้เลื่อยมาผสมกาว แล้วปั้นรูปเป็นตัวกบ ทาสีเสียว เกาะโดดเด่นอยู่บนกะลาขัดมันอย่างดี กบตัวนี้ มีชื่อว่า”ปรีชา  เรืองจันทร์” และหากใครเคยเข้าไปห้องผู้ว่าฯและสังเกตให้ดี จะตั้งเด่นอยู่บนโต๊ะทำงานของท่าน

 

นายปรีชา  เรืองจันทร์ ผวจ.พิษณุโลก ได้อธิบายที่มาที่ไปของเจ้ากบตัวนี้ว่า พระพุทธองค์ท่านสอนว่า สรรพสัตว์ทั้งหลายเอ๋ย ไม่ว่ากิ้งกือ ไส้เดือน จะเป็นช้าง กระต่าย สัตว์ทุกตัวมีคุณูปการต่อท่าน พระองค์อยู่ในป่า ก็สามารถอยู่กับสัตว์ได้ คนกับสัตว์เท่ากัน มีความคิด มีความรู้สึกเหมือนกัน มันเจ็บเป็น เลือดมันก็สีแดงมนุษย์ ชอบอิสระ ไม่ชอบโดนบังคับ ไม่ชอบให้ใครเป็นข่มขู่รังแก

 

กบตัวนี้เป็นเชิงสัญลักษณ์ วันดีคืนดี เมื่อมันเป็นใหญ่ มันได้เป็นผู้อำนวยการ เป็นนายก เป็นกำนัน เป็นผู้ว่า เป็นนายอำเภอ มันเท่ห์มาก มันเป็นพญากบ มันใหญ่ โกรธขึ้ง บังคับคนโน้นคนนี้ อวดอ้างศักดิ์ตา เก่งกล้า สามารถสักปานใด  มันก็กลับไปอยู่ในกะลา ยิ่งโกรธมาก อวดเบ่งมาก อยากเบ่งมาก มันก็อยากไปอยู่ในกะลา ไม่ต้องไปเปิด มันมุดเข้าไปอยู่ในกะลาเอง เพราะมันอยากใหญ่ แต่วันดีคืนดีอารมณ์ดี ๆ แจ่มใส สบาย ๆ แบบเบิร์ด ๆ มันก็ออกมายืนอยู่บนนี้ โลกกว้างใหญ่มาก ออกมาอยู่นอกกะลา เราอยากอยู่ข้างในหรือนอกกะลาล่ะ

 

อยากอยู่ข้างนอกกะลาก็อย่าไปโกรธใคร วันไหนโกรธก็มองดูกบตัวนี้ กูกลับไปอยู่ในกะลาอีกแล้ว ทีนี้ถ้าถามว่า สุดยอดของกะลาอยู่ที่ไหน กะลามันหาค่าไม่ได้ สุดยอดมันคือเนื้อมะพร้าว เมื่อขูดมะพร้าวเสร็จก็ทิ้งไปในดิน กลายเป็นกะโหลกกะลาที่อยู่ในดิน  ส่วนกบตัวนี้ ทำมาจากขี้เลื่อย ก็อยู่ในดินเหมือนกัน ไม่มีประโยชน์ ก็เอามาผสมกาว ปั้น ๆ ปรุงแต่ง บอกพรรคพวกปั้นให้หน่อย ก็ได้กบอยู่นอกกะลาตัวนี้มา

สมัยเด็กแม่บอกว่าเรียนไปทำไมล่ะลูก เรามันคนบ้านนอก ไอ้หัวกะโหลกกะลาอย่างเอ็งไม่ต้องเรียนหรอก  ไปไถนาสิลูก นี่คือหัวกะโหลกกะลา  ส่วนพ่อก็บอกว่าจะเรียนไปทำไมเล่าลูก เรามันหัวขี้เลื่อย ก็ไม่ต้องเรียน ก็ไปไถนา เมื่อมุ่งมั่นเรียน และเริ่มรับราชการมา ก็คิดถึงคำพ่อคำแม่ว่า เรามันหัวขี้เลื่อย เรามันหัวกะโหลกกะลา จึงคิดสิ่งที่เป็นเชิงสัญลักษณ์ขึ้นมา นำขี้เลื่อยกับกะลา มาปั้นเป็นกบนอกกะลา เอากะลาของแม่มาเป็นฐาน เอาขี้เลื่อยของพ่อมาปั้นเป็นกบ ผมดูมันมาตรงนี้ 35 ปีรับราชการ ตั้งไว้บนโต๊ะ ไว้เตือนใจตัวเอง อย่างน้อยไว้เป็นอุทาหรณ์สอนใจตัวเองว่า ถ้าเราโกรธขึ้นมา เราก็กลับไปอยู่ในกะลา

 

และถ้าใครถามว่าไอ้กบตัวนี้มันชื่ออะไร ตอบได้เลยว่า ไอ้กบตัวนี้มันชื่อ ปรีชา  เรืองจันทร์

 

สำหรับกบนอกกะลาตัวเขียว ๆ อย่างนี้ ที่ตั้งไว้บนโต๊ะทำงาน ผวจ.พิษณุโลก บอกว่า ทำมาร่วม 10 ปีแล้ว สมัยอยู่จ.เพชรบูรณ์ ให้พรรคพวกปั้นไว้ให้ และก็ทำมาเรื่อย ใครไปใครมาก็แจกให้ บางดีก็โดนคนจิ๊กไปบ้าง แต่ก่อนหน้านี้นับแต่เริ่มต้นรับราชการก็ใช้กับนอกกะลานี้เป็นสัญลักษณ์สอนตัวเองมาเรื่อย รูปแบบการปั้นก็เปลี่ยนมาเรื่อย ๆ จนถึงปัจจุบัน เห็นเป็นกบตัวเขียว ๆ สวยงามยืนเด่นบนกะลาขัดเงา และนับว่าเป็นวันสบาย ๆ ของทีมข่าวพิษณุโลกฮอตนิวส์ ไปสัมภาษณ์ผู้ว่าชาวนา ปรีชา  เรืองจันทร์ แล้ได้แง่คิดสติเตือนใจกลับมา  

แสดงความคิดเห็น