จากกรณีที่กลุ่มงานสืบสวนตำรวจภูธรจังหวัดพิษณุโลกและจนท.ป.ป.ช.นำกำลังซ้อนแผนจับนายวชิระ แสงสิงห์ นายกอบต.ท่าสะแก อ.ชาติตระการ จ.พิษณุโลก เมื่อวันที่ 30 ธันวาคม 2554 หลังจากผู้รับเหมาก่อสร้างรายหนึ่งได้ร้องเรียนตำรวจว่า นายกอบต.ท่าสะแก ได้เรียกเงินจากผู้รับเหมา 10,000 บาท เพื่อแลกกับการเขียนเช็คค่ารับเหมาก่อสร้าง 1.2 แสนบาทให้ จากนั้น ตร.และจนท.ป.ป.ช.จังหวัด เขตพื้นที่ 6(พิษณุโลก) จึงซ้อนแผน ให้ผู้รับเหมานำเงิน10,000 บาทไปมอบให้ ก่อนจะแสดงตัวจับกุมได้พร้อมของกลางเงินสด 10,000 บาท
พร้อมตั้งข้อหาหนัก “ เป็นเจ้าพนักงานเรียกรับหรือยอมจะรับทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใด สำหรับตนเองหรือผู้อื่นโดยมิชอบ เพื่อกระทำการหรือไม่กระทำการอย่างใดในตำแหน่ง ไม่ว่าการนั้นจะชอบหรือมิชอบด้วยหน้าที่และเป็นเจ้าพนักงานปฎิบัติหน้าที่หรือละเว้นการปฎิบัติหน้าที่โดยมิชอบเพื่อให้เกิดความเสียแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฎิบัติหรือละเว้นการปฎิบัติหน้าที่โดยทุจริต
วันที่ 5 มกราคม 2555 ผู้สื่อข่าวได้สอบถามความคืบหน้าของดคีและการดำเนินการทางวินัย กับนายพันธุ์พนา ศิระวงษ์ นายอำเภอชาติตระการ ได้ความว่า เมื่อวันที่ 4 มกราคมที่ผ่านมา อำเภอชาติตระการ ได้รายงานให้จังหวัดพิษณุโลกทราบถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นแล้ว ขั้นตอนหลังจากนี้อำเภอชาติตระการรอให้จังหวัดพิษณุโลกสั่งการลงมาว่าจะดำเนินการอย่างไรต่อไป คงต้องตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงต่อกรณีที่เกิดขึ้น หากเบื้องต้นมีมูลความผิด อำเภอชาติตระการจะพิจารณาโทษทางวินัยตามอำนาจหน้าที่ต่อไป
ผู้สื่อข่าวได้ถามนายอำเภอชาติตระการว่า สถานะของนายกอบต.ท่าสะแก ณ ขณะนี้ เป็นอย่างไร นายอำเภอชาติตระการตอบว่า ก็ยังคงปฏิบัติหน้าที่ในฐานะนายกอบต.ท่าสะแกอยู่ จนกว่าจะมีการตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริง ว่าผลจะออกมาอย่างไร อำเภอจึงจะสั่งการอีกครั้งหนึ่ง