จ่าสิบเอกสุรศักดิ์ พลธรรม อายุ 49 ปี ร้อยสารวัตรทหาร จังหวัดทหารบกพิษณุโลก ( ร้อย สห.จทบ.พล ) ค่ายสมเด็จพระนเรศวร กองทัพภาคที่ 3 เป็นทหารแบบอย่างที่เป็นต้นแบบ ของการนำปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มาใช้ โดย จ่าสิบเอกสุรศักดิ์ ตนและครอบครัวพักอยู่ในบ้านพักทหารจังหวัดทหารบกพิษณุโลก ในค่ายสมเด็จพระเอกาทศรถ อ.เมืองพิษณุโลก ได้ 7 ปีแล้ว จุดเริ่มต้นการเลี้ยงกบข้างบ้านจนเป็นรายได้เสริมเลี้ยงครอบครัว เกิดในช่วง ปี 2553 ที่ผ่านมา หลังจากนำลูกกบเหลือจากการไปเป็นเหยื่อตกปลา นำมาปล่อยทิ้งไว้ในบ่อข้างบ้าน ปรากฏว่าได้กบก็โจจับมาไว้บริโภคภายในครอบครัว แต่หลังจากฤดูฝนผ่านไป ปรากฏว่ากบหายไปจากบ่อ จึงเกิดแนวคิดว่า ถ้าทำหาตาข่ายมากั้นและขุดบ่อไว้เลี้ยงกบคงจะทำให้มีกบไว้บริโภคภายในครอบครัว
ประกอบกับบริเวณข้างบ้านพักมีพื้นที่ว่าง ที่เป็นบ่อน้ำชำ และเป็นแหล่งทิ้งขยะ อยู่ จึงปรึกษาขอนายทหารของใช้พื้นที่บริเวณดังกล่าว หลังจากได้รับอนุญาต จึงเก็บขยะกองมหึมาข้างบ้านออกไปทิ้ง แล้วปรับพื้นที่ ถมทรายทำเป็นบ่อไว้เลี้ยงกบ ช่วงแรก ๆ ทดลองเลี้ยงก่อน 2,000 ตัวปรากฏว่า ได้กบไว้บริโภคเลี้ยงได้ 2 -3 เดือน ก็สามารถจับกบขาย ได้เงินไว้ใช้วันละ 300-500 บาท ในช่วงกลางปี 2554 ได้ลงทุนซื้อลูกกบตัวละ3 บาท มาจำนวน 15,000 ตัว เลี้ยงไว้แบบธรรมชาติ แล้วนำตาข่าย มากั้นรอบพื้นที่บ่อเพื่อป้องกันกบ กระโดดหลบหนีออกนอกบ่อไป
จ่าสิบเอกสุรศักดิ์ กล่าวว่า ขณะนี้ กบที่เลี้ยงไว้เป็นกบลูกผสม อายุประมาณ 6 เดือน มีน้ำหนักเฉลี่ยตัวละ 3 ขีด ถึง ครึ่งกิโลกรัม จากการดูด้วยสายตา คาดว่าจะมีอยู่กว่าหมื่นตัว เวลานี้มีร้านอาหาร ทหารในค่าย และพ่อค้าแม่ค้า ติดต่อมาขอซื้อกบไปขาย แต่เนื่องจากราคาที่พ่อค้าแม่ค้ามาซื้อที่บ่อถูกกดราคาเหลือกิโลกรัมละ 60-70 บาท จึงเก็บกบไว้ เลี้ยงต่ออีกระยะรอหลังปีใหม่เชื่อว่า ราคาน่าจะสูงกิโลกรัมละกว่ากิโลกรัมละ 100 บาทแน่ ช่วงนั้นจะนำพบที่เลี้ยงไว้ออกไปขาย สำหรับราคาขายปลีกที่บ้านเวลานี้ก็จะกบขายเลี้ยงครอบครัวทุกวันเฉลี่ยได้เงินใช้วันละ 500 บาท อยู่แล้ว
สำหรับการลงทุนเลี้ยงกบช่วงแรกต้องมีเงิน 20,000 บาท สำหรับซื้อตาข่าย และขุดบ่อ รวมค่าอาหารตลอดระยะเวลาเลี้ยงต่อรุ่น อีกประมาณ 40,000 บาท รวมเป็นเงินเฉลี่ยอยู่ที่ 60,000 บาท แต่ก็ได้ผลกำไรกลับมาเป็นเงินกว่าแสนบาท มองว่าคุ้มค่ามา อีกอย่างกบเลี้ยงง่ายไม่ยุ่งยาก อายุการเลี้ยงดูอยู่ที่ 2 – 3 เดือนเท่านั้น หลังจาก นี้มีแผนจะผลิตลูกกบออกขายราคาถูก ตัวละ 1- 3 บาท เผื่อไว้สำหรับผู้ที่สนใจเลี้ยงกบไว้บริโภคในบ้าน แต่หากผู้ใดต้องการซื้อกบไว้บริโภค ก็จำหน่ายเพียงกิโลกรัมละ 100 บาท มีขายตลอดทั้งปี
จ่าสิบเอกสุรศักดิ์ พลธรรม มีเงินราชการทหารเดือนละ 22,000 บาท แต่เป็นหนี้ สหกรณ์ออมทรัพย์ทหาร และหนี้เงินกู้ สงเคราะห์การเคหะ ของทหาร อีก ทำให้เงินเดือนเหลือเพียงเดือนละ 2,000 บาท ส่วนภรรยาชื่อนาง นงนุช พลธรรม อายุ 47 ปี อาชีพรับราชการครู อยู่โรงเรียนวัดสุพรรณพนมทอง อ.วังทอง จ.พิษณุโลก และมีบุตรสาวกำลังเรียนชั้น ม. 6 ที่โรงเรียนพิษณุโลกพิทยาคม ทำให้ค่าใช้จ่ายในครอบครัวสูง โชคดีที่เลี้ยงกบไว้รอบบ้านพักทหาร ทำให้ มีรายได้เลี้ยงครบครัวอย่างไม่เดือดร้อน