วันนี้(15 ธ.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากสภาพอากาศที่หนาวเย็นลงในช่วงนี้ส่งผลให้เกิดโรคเชื้อราได้ง่ายในสัปปะรด และโรคโตแห้ง ดังนั้นเกษตรผู้ปลูกสัปปะรดในจังหวัดพิษณุโลก ต่างเร่งเก็บเกี่ยวผลผลิตรวมทั้งใส่ยา เพื่อป้องกันโรคให้กับสัปปะรดที่ปลูก ทั้งนี้เพื่อช่วยไม่ให้ผลผลิตเสียหาย เพราะในปีนี้ราคาขายสัปปะระลดลงกว่าปีที่ผ่านมา ดังนั้นทางเกษตรกรผู้ปลูกสัปปะรดอยากให้ทางภาครัฐเข้ามาดูแลในเรื่องของราคา และหาโรงงานให้ เพราะโรงงานที่มีอยู่แห่งเดียวในจังหวัดพิษณุโลกก็ปิดตัวลงทำให้ เกษตรกรต้องหาโรงงานส่งและสถานที่จำหน่ายเอง ทำให้ถูกกดราคา
นางมงคล เหมันต์ เลขากลุ่มวิสาหกิจชุมชนชาวไร่สัปปะรดบ้านห้วยแก้ว หมู่ที่ 19 ต.หนองกระท้าว อ.นครไทย จ.พิษณุโลก กล่าวว่า ในตำบลหนองกระท้าว อ.นครไทย จ.พิษณุโลก ชาวบ้านที่นี้ส่วนใหญ่จะทำไร่สัปปะรด ทำให้ตำบลหนองกระท้างมีพื้นที่ที่ปลูกสัปปะรดกว่า 1000 ไร่ ดังนั้นที่ผ่านมาทางเกษตรผู้ปลูกสัปปะรดจึงรวมตัวกันเป็นกลุ่มวิสาหกิจชุมชนชาวไร่สัปปะรดบ้านห้วยแก้วขึ้น โดยทางกลุ่มจะรับซื้อสัปปะรดจากเกษตรกรทั้งที่เป็นสมาชิกและไม่เป็นสมาชิก แต่จะให้ราคาสูงกว่าที่เกษตรเอาไปขายด้วยตนเองตามโรงงาน ทำให้มีเกษตรนำสัปปะรดในพื้นที่และจังหวัดใกล้เคียงนำมาจำหน่ายที่กลุ่ม จากนั้นก็จะนำไปขายยังโรงงานที่ทางกลุ่มติดต่อส่งสัปปะรดให้ แต่ปีนี้ปรากฎว่าราคาสัปปะรดลงทำให้ทางกลุ่มต้องลดราคารับซื้อลงตามด้วย โดยราคาอยู่ที่ขนาดของสัปปะรด คือ ตั้งแต่กิโลกรัมละ 30 สตางค์ ไปถึง 2 บาท 70 สตางค์ โดยลดลงจากปีที่ผ่านมาซึ่งขนาดใหญ่จะได้อยู่ที่กิโลกรัมละ 5 บาท แถมปีนี้โรงงานสัปปะรดของจังหวัดพิษณุโลกที่มีแห่งเดียวก็ปิดตัวลงทำให้ขาดโรงงานที่ทางกลุ่มจะส่งสัปปะรดขายไป แต่ยังดีที่ทางกลุ่มเปิดตลาดติดต่อโรงงานไว้อีก 2 แห่ง คือ โรงงานทิปโก้ และ โรงงานไวต้า ที่ยังรับซื้อสัปปะรดของทางกลุ่ม
แต่อย่างไรทางกลุ่มฯก็อยากให้ภาครัฐเข้ามาดูแลเรื่องของราคาบ้างและช่วยหาตลาดให้กับเกษตรผู้ปลูกสัปปะรด เพราะไม่อยากให้เกิดปัญหาเหมือนเมื่อ 4-5 ปี ก่อนที่ราคาสัปปะรดตกต่ำขนาดใหญ่สุดอยู่ที่กิโลกรัมละ 30 สตางค์จนต้องมีการประท้วง