ชาวนาคนดังกล่าว คือ นายฉวน กลิ่นรอด อายุ 64 ปี อยู่บ้านเลขที่ 17 หมู่ 12 ต.หัวรอ อ.เมือง จ.พิษณุโลก เปิดเผยว่า ตนเองมีอาชีพทำนา และที่นา เป็นพื้นที่ ที่ถูกน้ำท่วมขังมานานกว่า 3 เดือน หลังน้ำลดจึงได้เร่งไปทำการไถหว่าน ในขณะที่แปลงนายังเป็นโคลน ซึ่งระหว่างที่กำลังไถ ได้มีโคลนกระเด็นเข้าใส่ลูกนัยน์ตาของตนเอง แต่ก็ไม่ได้มีอาการเจ็บปวดใด ๆ นอกจากระคายเคืองเพียงเล็กน้อยเท่านั้น จึงไม่ได้สนใจไปพบแพทย์ทันที แต่หลังจากทิ้งระยะได้เพียง 2 วัน นัยน์ตาข้างดังกล่าว เกิดอาการระคายเคือง เจ็บปวด จนทนไม่ไหว จึงไปพบ ให้จักษุแพทย์ทำการตรวจรักษา
พบว่าตาติดเชื้อขั้นรุนแรง ในระยะที่อาจสูญเสียดวงตาได้ โดยการรักษาแพทย์ได้นำเชื้อดังกล่าวไปเพาะแล้วระบุว่าเป็นเชื้อรา วิธีการรักษาต้องให้ยาฆ่าเชื้อรา ด้วยการหยอดตา ระยะแรก ทุกครึ่งชั่วโมง และ คาดว่าใช้เวลารักษาไม่ต่ำกว่า 1เดือน นาย ฉวน ยังได้กล่าวอีกว่า ตั้งแต่เกิดมาตนเองไม่เคยเจ็บป่วยจนต้องเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาลมาก่อน ไม่คิดว่าเพียงแค่ ดินโคลนกระเด็นใส่ตา จะทำให้เจ็บป่วยจนเกือบพิการ เป็นคนตาบอดได้
ด้าน พญ.ปณตศม เง่ายุธากร จักษุแพทย์ โรงพยาบาลมหาวิทยาลัยนเรศวร เจ้าของไข้ กล่าวว่า กรณีของ นายฉวน นั้น เกิดขึ้นได้ เนื่องจากอาจจะมีแผล ที่ลูกนัยน์ตา จึงทำให้เชื้อราเข้าไปทำให้ ตาอักเสบติดเชื้อได้ อีกทั้งในพื้นที่ที่เคยถูกน้ำท่วมขัง จะมีเชื้อรา และเชื้อแบคทีเรียมากกว่าปกติ จึงขอให้ประชาชนระมัดระวัง ซึ่งหากมีอาการผิดปกติที่ดวงตา หรือมีอาการระคายเคืองตา ควรมาพบแพทย์ ทันที
ขอบคุณภาพข่าว – กรกนก จันทร์นิเวศน์ (เอ๋) ผู้สื่อข่าวไอเอ็นเอ็นพิษณุโลก
แสดงความคิดเห็น